ไทยพาณิชย์ก้าวสู่ 1 ใน 3 ผู้นำสินเชื่อ SMEs

นางวรีมน นิยมไทย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยถึงความสำเร็จของ SCB SME ว่า “ธนาคารก้าวขึ้นสู่ผู้นำ 1 ใน 3 ทางด้านธุรกิจลูกค้าเอสเอ็มอีได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องมาจากการดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่สามารถตอบสนองความต้องการที่แท้จริงได้อย่างตรงใจกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี พร้อมทั้งอยู่เคียงข้างผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในทุกการเปลี่ยนแปลงของการทำธุรกิจด้วยการนำเสนอโซลูชั่นทางการเงินที่สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ มาโดยตลอด อาทิ เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 หรือ ในภาวะค่าเงินผันผวนที่ส่งผลต่อการทำธุรกิจของลูกค้า”

 


นางวรีมน นิยมไทย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยถึงความสำเร็จของ SCB SME ว่า “ธนาคารก้าวขึ้นสู่ผู้นำ 1 ใน 3 ทางด้านธุรกิจลูกค้าเอสเอ็มอีได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องมาจากการดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่สามารถตอบสนองความต้องการที่แท้จริงได้อย่างตรงใจกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี พร้อมทั้งอยู่เคียงข้างผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในทุกการเปลี่ยนแปลงของการทำธุรกิจด้วยการนำเสนอโซลูชั่นทางการเงินที่สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ มาโดยตลอด อาทิ เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 หรือ ในภาวะค่าเงินผันผวนที่ส่งผลต่อการทำธุรกิจของลูกค้า”

สำหรับในครึ่งปีหลัง 2556 ธนาคารยังคงมองเห็นสัญญาณความผันผวนของค่าเงินที่อาจจะก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการทำธุรกิจสำหรับลูกค้าที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้า-ส่งออก ได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทางด้านความเสี่ยงของค่าเงินจึงยังเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ธนาคารให้ความสำคัญ  ถึงแม้ลูกค้ากลุ่มนี้จะมีขนาดไม่ใหญ่มากนักเมื่อเทียบกับพอร์ตลูกค้าธุรกิจ แต่ก็มีความสำคัญที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตได้ ปัจจุบันธนาคารมีสินเชื่อกลุ่มนำเข้า-ส่งออก (Trade Finance) อยู่ประมาณ 10% ของพอร์ตสินเชื่อเอสเอ็มอีทั้งหมด ซึ่งมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และในช่วงเวลาที่ผ่านมาธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มนี้ทางด้านการบริหารความเสี่ยงค่าเงินไปแล้วกว่า 3 พันล้านบาท หลังจากที่ทางธนาคารได้ปล่อยตัวผลิตภัณฑ์ SCB SME Forward Contract เมื่อต้นปีที่ผ่านมา  

นอกจากนี้เพื่อเป็นการรับมือกับสภาพเศรษฐกิจที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ธนาคารยังได้เตรียมโซลูชั่นทางการเงินเพื่อรองรับกับความต้องการทางธุรกิจของลูกค้ากลุ่มนี้เอาไว้เพิ่มเติม ประกอบด้วย SCB SME Trade ที่ให้วงเงินสูงสุด 120 ล้านบาท ไม่จำกัดประเภทของหลักประกัน สำหรับธุรกิจนำเข้า-ส่งออกที่กำลังเติบโต , SCB SME Forward Contract ที่ให้วงเงินสูงสุด 100 ล้านบาท ครอบคลุมทุกสกุลเงินต่างประเทศ ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และ SCB SME Total Solution สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้เติบโตเต็มศักยภาพ ด้วยวงเงินสินเชื่อสูงสุด 300 ล้านบาท ครบทุกประเภทวงเงิน   

“ธนาคารคาดว่าสิ้นปี 2556 นี้ กลุ่มลูกค้าธุรกิจจะเติบโตขึ้นกว่า 20% โดยมียอดสินเชื่อใหม่ประมาณ 57,000 ล้านบาท หรือยอดสินเชื่อคงค้างที่ระดับ 360,000 -370,000 ล้านบาท และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแผนในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์อย่างต่อเนื่อง จะส่งผลให้ SCB SME เป็นแบรนด์ที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีนึกถึงเป็นอันดับแรกๆ เมื่อต้องการพันธมิตรทางการเงินในการทำธุรกิจ” นางวรีมน กล่าวสรุป
 

NEWS & TRENDS