นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีสถานประกอบการ และนายจ้างบางส่วนไม่ชำระเงินสมทบภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด หรือชำระไม่ครบถ้วน ทำให้เกิดเงินสมทบค้างชำระ โดยตัวเลข ณ วันที่ 5 พฤษภาคม 2556 พบว่าจำนวนเงินสมทบที่ค้างชำระทั้งสิ้น 3,665.39 ล้านบาท และในปี 2556 นี้ กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคมได้กำหนดแนวทางการติดตามเร่งรัดหนี้เงินสมทบ ซึ่งมีเป้าหมายให้เงินสมทบค้างชำระลดลงจำนวน 2,000 ล้านบาท โดยมีการทบทวนแนวทางและวิธีปฏิบัติในการตรวจติดตามเร่งรัดหนี้เงินสมทบ ตลอดจนการยึด อายัดทรัพย์สินเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จึงได้มีโครงการเพิ่มประสิทธิภาพพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจติดตามเร่งรัดหนี้และยึดอายัดทรัพย์สิน โดยได้จัดฝึกอบรมพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นข้าราชการระดับชำนาญการทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จำนวน 60 คน เพื่อมุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพ และขีดความสามารถ เพื่อให้มีความพร้อมทางร่างกายในการปฏิบัติงาน ซึ่งแต่งตั้งเป็นชุดเฉพาะกิจ เพื่อทำหน้าที่ออกตรวจสอบสถานประกอบการทั่วประเทศในการเร่งรัดหนี้เงินสมทบ และยึด อายัดทรัพยสิน
นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีสถานประกอบการ และนายจ้างบางส่วนไม่ชำระเงินสมทบภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด หรือชำระไม่ครบถ้วน ทำให้เกิดเงินสมทบค้างชำระ โดยตัวเลข ณ วันที่ 5 พฤษภาคม 2556 พบว่าจำนวนเงินสมทบที่ค้างชำระทั้งสิ้น 3,665.39 ล้านบาท และในปี 2556 นี้ กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคมได้กำหนดแนวทางการติดตามเร่งรัดหนี้เงินสมทบ ซึ่งมีเป้าหมายให้เงินสมทบค้างชำระลดลงจำนวน 2,000 ล้านบาท โดยมีการทบทวนแนวทางและวิธีปฏิบัติในการตรวจติดตามเร่งรัดหนี้เงินสมทบ ตลอดจนการยึด อายัดทรัพย์สินเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จึงได้มีโครงการเพิ่มประสิทธิภาพพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจติดตามเร่งรัดหนี้และยึดอายัดทรัพย์สิน โดยได้จัดฝึกอบรมพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นข้าราชการระดับชำนาญการทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จำนวน 60 คน เพื่อมุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพ และขีดความสามารถ เพื่อให้มีความพร้อมทางร่างกายในการปฏิบัติงาน ซึ่งแต่งตั้งเป็นชุดเฉพาะกิจ เพื่อทำหน้าที่ออกตรวจสอบสถานประกอบการทั่วประเทศในการเร่งรัดหนี้เงินสมทบ และยึด อายัดทรัพยสิน
สำหรับแผนการตรวจสอบและกลุ่มเป้าหมายสถานประกอบการที่ได้รับการตรวจสอบในความรับผิดชอบของสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา จำนวน 21 หน่วยปฏิบัติรวมกลุ่มเป้าหมายสถานประกอบการที่มีเงินสมทบค้างชำระทั้งสิ้น 21,201 ราย เป็นจำนวนเงินสมทบโดยประมาณ 2,742.41 ล้านบาท โดยกำหนดระยะเวลาในการตรวจสอบตั้งแต่วันที่ 5 มิถุนายน – 30 สิงหาคม 2556 ทั้งนี้ ได้กำหนดแนวทางในการตรวจสอบเป็น 2 แนวทาง ดังนี้
แนวทางที่ 1 การออกตรวจ ณ สถานประกอบการสำหรับสถานประกอบการที่มีสถานะ A (ดำเนินกิจการอยู่) ที่ค้างชำระเงินสมทบ 6 เดือนขึ้นไปและมีเงินสมทบค้างชำระตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป แนวทางที่ 2 การตรวจแฟ้มลูกหนี้กองทุนประกันสังคม ณ หน่วยปฏิบัติสำหรับทุกสถานประกอบการที่มีสถานะ S (หยุดกิจการชั่วครว) และสถานะ C (เลิกกิจการ) ทุกราย รวมทั้งสถานประกอบการที่มีสถานะ A นอกเหนือจากการออกตรวจสอบ ณ สถานประกอบการตามแนวทางที่ 1
ทั้งนี้ ในการออกตรวจติดตามเร่งรัดหนี้ และยึด อายัดทรัพย์สิน ในลำดับแรกนั้นจะเป็นสถานประกอบการที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ จำนวน 6 หน่วยปฏิบัติ ในระหว่างวันที่ 5-21 มิถุนายน 2556 หากสำนักงานประกันสังคมดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เชื่อมั่นว่า ลูกจ้าง ผู้ประกันตน จะสามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ จากการประกันสังคมได้อย่างรวดเร็ว และลดหนี้ค้างชำระกองทุนประกันสังคม สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นการสร้างเสถียรภาพให้กับกองทุน เพื่อจ่ายสิทธิประโยชน์ใหแก่ผู้ประกันตนในอนาคตได้ในระยะยาวอย่างยั่งยืน