ไปรษณีย์ไทยจับมือกรมการพัฒนาชุมชนนำจุดแข็งด้านเครือข่ายที่ทำการฯ เปิดช่องทางจำหน่ายสินค้า OTOP ทั่วไทย
ไปรษณีย์ไทยจับมือกรมการพัฒนาชุมชนนำจุดแข็งด้านเครือข่ายที่ทำการฯ เปิดช่องทางจำหน่ายสินค้า OTOP ทั่วไทย
น.ส.อานุสรา จิตต์มิตรภาพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย (ปณท) เปิดเผยว่า ได้ร่วมมือกับกรมพัฒนาชุมชนในการส่งเสริมการจำหน่ายสินค้า OTOP ผ่านที่ทำการไปรษณีย์และเว็บไซต์ เพื่อช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม SMEs รวมทั้งธุรกิจท้องถิ่นที่มีผู้ประกอบการผลิตสินค้าประเภท OTOP ที่ยังขาดการสนับสนุนด้านช่องทาง การจัดจำหน่ายสินค้าโดยใช้ศักยภาพเครือข่ายไปรษณีย์อย่างเต็มที่
“เครือข่ายที่ทำการไปรษณีย์กว่า 1,300 แห่ง ครอบคลุมทุกตำบลและอำเภอ ทั่วประเทศ ปณท จึงพร้อมในการให้บริการประชาชนทั้งบริการไปรษณีย์และบริการที่ร่วมมือกับภาคส่วนอื่นๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนองนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมผู้ประกอบการและผู้ผลิตสินค้าประเภท OTOP ที่ยังขาดการสนับสนุนด้านช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าได้อย่างทั่วถึง ซึ่งรวมไปถึงสินค้าของกลุ่มกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีในอนาคตด้วย สินค้าดังกล่าวสามารถวางจำหน่าย ณ ที่ทำการไปรษณีย์และบนเว็บไซต์ www.thailandpostmart.com , Mobile Application และแค็ตตาล็อกไปรษณีย์ไทย” น.ส.อานุสรา กล่าว
นายขวัญชัย วงศ์นิติกร อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า กรมพัฒนาชุมชน หน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ได้มีบทบาทที่ในการพัฒนาและส่งเสริมผู้ประกอบการ OTOP มาโดยตลอด ในการพัฒนาระบบการดำเนินงานในด้านต่างๆ อาทิ การส่งเสริมและให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ ผู้ผลิต การกำหนดมาตรฐานสินค้า การสนับสนุนการดำเนินงานด้านการตลาดทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย เป็นต้น การจัดสัมมนาในครั้งนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะเกิดการบูรณาการร่วมในการพัฒนาศักยภาพการจำหน่ายสินค้าทุกภาคส่วน ได้แก่ ปณท กรมการพัฒนาชุมชน ตัวแทนผู้ประกอบการสินค้า OTOP และหัวหน้าที่ทำการไปรษณีย์ทุกจังหวัด ที่จะได้รับทราบทิศทางการพัฒนาศักยภาพร่วมกันอันจะเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับท้องถิ่นและระดับประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป
สำหรับความร่วมมือโดยใช้ศักยภาพและภารกิจหลักของทั้ง 2 หน่วยงานในการพัฒนาผู้ประกอบการสินค้าประเภท OTOP เป็นการเพิ่มโอกาสในการจำหน่ายสินค้าที่มีเอกลักษณ์และเรื่องราวความเป็นมาที่น่าสนใจของแต่ละท้องถิ่นทั่วประเทศไทยให้แพร่หลายทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ นับเป็นการเตรียมความพร้อมในการรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ตลอดจนโครงการดังกล่าวนี้ยังมีส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับชุมชน ระดับชาติ และระดับอาเซียนต่อไปในอนาคตด้วย