นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า การที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับประมาณการณ์การส่งออกปีนี้จาก 9.0% เป็น 7.2% แสดงให้เห็นว่า ธปท.เห็นสัญญาการส่งออกที่ชะลอตัวลง โดย ธปท.ให้ความเห็นว่าสาเหตุหลักมาจากเศรษฐกิจคู่ค้าชะลอตัวลง แต่ผู้ส่งออกเห็นว่ามาจาก 3 ปัจจัย คือ เศรษฐกิจคู่ค้าชะลอ การขึ้นค่าแรงและเงินบาทแข็งค่า ซึ่งทั้ง 3 ปัจจัยทำให้การส่งออกลำบากขึ้นและอัตราแลกเปลี่ยนทำให้การแข่งขันลำบากเพราะในช่วงเดียวกันที่เงินบาทแข็งค่าแต่ค่าเงินเพื่อนบ้านอ่อนค่าลง เช่น เวียดนาม กัมพูชา
นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า การที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับประมาณการณ์การส่งออกปีนี้จาก 9.0% เป็น 7.2% แสดงให้เห็นว่า ธปท.เห็นสัญญาการส่งออกที่ชะลอตัวลง โดย ธปท.ให้ความเห็นว่าสาเหตุหลักมาจากเศรษฐกิจคู่ค้าชะลอตัวลง แต่ผู้ส่งออกเห็นว่ามาจาก 3 ปัจจัย คือ เศรษฐกิจคู่ค้าชะลอ การขึ้นค่าแรงและเงินบาทแข็งค่า ซึ่งทั้ง 3 ปัจจัยทำให้การส่งออกลำบากขึ้นและอัตราแลกเปลี่ยนทำให้การแข่งขันลำบากเพราะในช่วงเดียวกันที่เงินบาทแข็งค่าแต่ค่าเงินเพื่อนบ้านอ่อนค่าลง เช่น เวียดนาม กัมพูชา
สรท.ตั้งเป้าหมายการส่งออกปีนี้ขยายตัว 6.9% ต่ำกว่าเป้าหมายของ ธปท.และกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งภายในเดือน เม.ย.นี้ สรท.จะปรับประมาณการณ์การส่งออกใหม่เมื่อได้ข้อมูลการส่งออกไตรมาส 1 ครบถ้วน โดยการส่งออกไตรมาสแรกมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากปัญหาเงินบาทแข็งค่าทำให้เบื้องต้น
"สรท.คาดว่าจะปรับเป้าหมายการส่งออกปีนี้เหลือ 5.5% เพราะผู้ส่งออกไทยแข่งขันด้านราคาไม่ได้ ซึ่งต่อจากนี้มีโอกาสที่รับคำสั่งซื้อหรือไม่รับคำสังซื้อก็มีโอกาสขาดทุน โดยถ้ารับคำสั่งซื้อก็จะขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน แต่ถ้าไม่รับก็ไม่มีรายได้เข้ามาจะมีผลต่อการชำระหนี้และไม่มีงานป้อนโรงงาน"
ทั้งนี้ ธปท.กำลังมองว่าการส่งออกมีผลต่อเศรษฐกิจประเทศลดลง และเห็นว่าเศรษฐกิจปีนี้จะได้รับผลจากการลงทุนภายในมากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนบริหารจัดการน้ำวงเงิน 350,000 ล้านบาท และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท ที่ภาครัฐหวังว่าจะเกิดการจ้างงานและการบริโภคมากขึ้นในช่วงปลายปี