สัมมาอาชีวบัญชี มหาจักรีสิรินธร ครั้งที่ 10

          กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ร่วมกับวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จัดการแข่งขันตอบปัญหาทางบัญชี “สัมมาอาชีวบัญชี มหาจักรีสิรินธร” ครั้งที่ 10 ชิงถ้วยรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมีนางอรมน  ทรัพย์ทวีธรรมอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และ ดร.ดาริกา  ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ร่วมกันมอบรางวัลให้ผู้ชนะการแข่งขัน ณ ห้องประชุมปรีดี พนมยงค์ อาคารเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ในวันศุกร์ที่ 24 มกราคม 2568

          อรมน  ทรัพย์ทวีธรรม  อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเข้าร่วม มอบรางวัลและกล่าวแสดงความยินดีในการแข่งขันตอบปัญหาทางบัญชี “สัมมาอาชีวบัญชี มหาจักรีสิรินธร” ครั้งที่ 10 ว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ร่วมกับวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จัดการแข่งขันตอบปัญหาทางบัญชี “สัมมาอาชีวบัญชี มหาจักรีสิรินธร” มาอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 10 แล้ว การแข่งขันดังกล่าวถือเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาสาขาบัญชีได้พัฒนาทักษะทางวิชาการ สร้างความสามัคคี และทำงานร่วมกันเป็นทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกัน สถาบันการศึกษาก็สามารถนำผลจากการแข่งขันไปใช้ในการพัฒนานักศึกษาเพื่อให้เป็น  ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีที่มีศักยภาพ พร้อมก้าวเข้าสู่วิชาชีพบัญชีอย่างมีคุณภาพต่อไปในอนาคต

          “กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เป็นหน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่กำกับดูแลนิติบุคคลให้ปฏิบัติตามกฎหมาย พร้อมกับส่งเสริมให้ภาคธุรกิจมีธรรมาภิบาล ผ่านการกำกับดูแลการจัดทำบัญชีของธุรกิจ รวมทั้งการกำกับดูแลและการพัฒนา “ผู้ทำบัญชี” ซึ่งมีหน้าที่จัดทำบัญชีให้แก่ภาคธุรกิจให้มีคุณภาพ สำหรับผู้ที่จะเป็นผู้ทำบัญชีได้นั้นจะต้องสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี หรือ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ทางการบัญชี โดยปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ทำบัญชีที่แจ้งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจำนวน 78,628 คน อยู่ในกรุงเทพฯ และนนทบุรีจำนวน 35,113 คน และอยู่ในส่วนภูมิภาคอีก 43,515 คน รองรับกับการจัดทำบัญชีให้แก่นิติบุคคลกว่า 928,292 รายทั่วประเทศราย และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในทุกปี เพราะทุกธุรกิจจำเป็นต้องมีผู้ทำบัญชีอย่างน้อย 1 คน  ผู้ทำบัญชีจึงถือว่ามีความใกล้ชิดและเป็นเพื่อนคู่คิดของภาคธุรกิจ รวมทั้งจะเป็นผู้ส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้น วิชาชีพบัญชีจึงมีความสำคัญและจำเป็นต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก มีส่วนสร้างความน่าเชื่อถือให้งบการเงินสะท้อนภาพธุรกิจที่เป็นจริง และสามารถนำงบการเงินไปใช้ปรับกลยุทธ์ธุรกิจได้อย่างแม่นยำ ช่วยเปิดทางให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้   

          อธิบดีอรมน กล่าวต่อว่า ขอแสดงความยินดีกับผู้ชนะการแข่งขันทุกประเภทรางวัล และขอชื่นชมนักศึกษาทุกคนที่เข้าร่วมการแข่งขันตอบปัญหาทางบัญชีในครั้งนี้ ซึ่งทุกคนเป็นที่ยอมรับของสถาบันการศึกษา จึงได้รับการคัดเลือกให้มาเป็นตัวแทนของสถาบัน แม้จะไม่ได้รับรางวัลทุกคน ทุกสถาบัน แต่มั่นใจว่าทุกคนที่เข้าร่วมการแข่งขันต่างได้รับความรู้ ได้มีโอกาสพบปะเพื่อน ๆ จากต่างสถาบัน ซึ่งนับเป็นประสบการณ์ที่มีค่ามาก และขอฝากถึงนักศึกษาทุกท่านว่า ปัจจุบัน นอกจากความรู้ทางด้านวิชาการบัญชีแล้ว จำเป็นจะต้องศึกษาหาความรู้หรือฝึกทักษะด้านอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น ทักษะด้านภาษา ทักษะด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ทักษะด้านการสื่อสารและการทำงานร่วมกับผู้อื่น ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานของนักศึกษาในอนาคตประสบผลสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ในฐานะ   นักบัญชีต้องตระหนักถึงหลักจรรยาบรรณวิชาชีพเพื่อให้ได้ชื่อว่าเป็นนักบัญชีมืออาชีพ ขออวยพรให้ทุกท่านประสบความสุข ความสำเร็จ และเป็นผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีที่ดีและเก่งในอนาคต

          ดร.ดาริกา  ลัทธพิพัฒน์  อธิการบดี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวว่า วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและ การบัญชี หรือ CIBA (College of Innovative Business and Accountancy) มีหลักสูตรบัญชีดิจิทัลที่ผ่านการรับรองวิชาชีพจากสภาวิชาชีพบัญชี ซึ่งทำให้นักศึกษาบัญชี CIBA DPU มีคุณลักษณะพิเศษและพร้อมที่จะทำงานที่ต้องใช้เทคโนโลยีและโปรแกรมบัญชีดิจิทัลต่างๆ นอกจากนี้ CIBA ยังมีสำนักงานบัญชีดิจิทัลที่เป็นพันธมิตรมากมายทั้งด้านการทำบัญชี ด้านการสอบบัญชี ด้านการวางระบบบัญชี และด้านการตรวจสอบภายใน (Internal Audit) ซึ่งเป็นแนวทางที่สำคัญในการพัฒนาศักยภาพของนักบัญชีในอนาคตให้มีความโดดเด่นและแตกต่าง พร้อมนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปประยุกต์ใช้ในการทำงาน ตอบโจทย์ยุค Digital Transformation เป็นแนวทางในการพัฒนาวิชาชีพบัญชีที่จะก้าวไปสู่วิชาชีพบัญชีดิจิทัลมากขึ้น ปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในงานบัญชี สามารถทำให้มีความแม่นยำ ถูกต้องได้ถึง 100% เช่น การทำบันทึกรายการต่างๆ อย่างไรก็ตาม ในส่วนการตรวจสอบรายการ การวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ยังต้องเป็นหน้าที่ของนักบัญชีที่มีความเชี่ยวชาญและมี Soft Skill สามารถสื่อสารทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี อาชีพนักบัญชีจึงเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างเทคโนโลยีและมนุษย์ การแข่งขันตอบปัญหาทางบัญชี “สัมมาอาชีวบัญชี มหาจักรีสิรินธร” จึงเป็นการฝึกฝนให้นักเรียนและนักศึกษาอาชีวะ ได้เรียนรู้ทั้งด้านวิชาการและเพิ่มเติมทักษะ ประสบการณ์นอกห้องเรียน รวมถึงพัฒนาทักษะด้านการสื่อสารและเทคโนโลยี นักศึกษาอาชีวะที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันจะได้รับการฝึกฝนให้สามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้อย่างเข้าใจ มีทักษะมนุษยสัมพันธ์ สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมืออาชีพ

          CIBA ได้ดำเนินการจัดแข่งขันตอบปัญหาทางบัญชี “สัมมาอาชีวบัญชี มหาจักรีสิรินธร” มาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 แล้ว นับได้ว่า นักศึกษาอาชีวะเป็นบุคลากรที่สำคัญด้านการพัฒนาวิชาชีพบัญชี สามารถเข้าสู่การทำงานได้ทันทีหลังจากเรียนจบปวช.และปวส. การแข่งขันในครั้งนี้จึงเป็นการเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้พัฒนาศักยภาพ เห็นรูปแบบการทำงานสมัยใหม่ และเข้าถึงเทคโนโลยีมากขึ้น อีกทั้งเป็นการกระตุ้นให้ทุกคน ได้พัฒนาโลกทัศน์ของวิชาชีพบัญชีที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม สร้างความตระหนักในการปรับตัวให้เท่าทัน และเป็นการลับคมทางความคิด เพราะแม้ว่ามีผลการเรียนเก่งในชั้นเรียน แต่เมื่อได้มาลงเวทีสนามการแข่งขัน มาทำงานพร้อมกับผู้อื่น จะทำให้นักศึกษาเข้าใจโลกการแข่งขัน สัมผัสสถานการณ์ที่ต้องแข่งขันกับเวลาและคู่แข่งขัน เรียนรู้การทำงานจริงมากขึ้น ทำให้เกิดไอเดีย ความคิดใหม่ๆ ในการพัฒนาตนเอง และการแก้ปัญหาในสถานการณ์ที่คับขัน ดร.ดาริกา กล่าวสำทับ

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

NEWS & TRENDS