นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายได้ เปิดเผยว่า แนวโน้มการจัดเก็บรายได้ในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2556 (ต.ค.55- มี.ค.56) ของทั้ง 3 กรมภาษี ได้แก่ กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร เกินกว่าเป้าหมายอยู่ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท ดังนั้นเชื่อว่าในปีงบประมาณดังกล่าวจะสามารถจัดเก็บได้เกินเป้าหมายที่ 2.1 ล้านล้านบาทแน่นอน เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศที่ยังขยายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ประชาชนมีรายได้มากขึ้น ซึ่งถือเป็นปัจจัยเสริมสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายได้ เปิดเผยว่า แนวโน้มการจัดเก็บรายได้ในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2556 (ต.ค.55- มี.ค.56) ของทั้ง 3 กรมภาษี ได้แก่ กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร เกินกว่าเป้าหมายอยู่ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท ดังนั้นเชื่อว่าในปีงบประมาณดังกล่าวจะสามารถจัดเก็บได้เกินเป้าหมายที่ 2.1 ล้านล้านบาทแน่นอน เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศที่ยังขยายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ประชาชนมีรายได้มากขึ้น ซึ่งถือเป็นปัจจัยเสริมสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล
ทั้งนี้ ได้มีการสั่งการให้กรมสรรพากรเข้มงวดกับการจัดเก็บภาษีมากขึ้น โดยในช่วงการยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในช่วงกลางปีนี้ เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลที่ให้มีการลดอัตราภาษีนิติบุคคลเหลือ 20% จากปกติที่ 30% แต่เชื่อว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อเป้าการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากรที่วางไว้ที่ 1.74 ล้านล้านบาท
นอกจากนี้ ยังได้กำชับให้มีการเข้มงวดกับการจ่ายคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่ามีกรณีการจัดตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อขอคืนภาษี
"ตอนนี้ได้มีการสั่งการให้กรมภาษี โดยเฉพาะกรมสรรพากรเข้มงวดเกี่ยวกับกระบวนการคืนภาษีให้มากขึ้น เพราะก่อนหน้านี้มีข่าวว่ามีกรณีการตั้งบริษัทลมขึ้นมายื่นเรื่องเพื่อขอคืนภาษีโดยเฉพาะ จึงให้ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร รวมถึงให้ไปดูว่ามีคนของกรมฯ ร่วมมือด้วยหรือไม่ เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต" นายรังสรรค์ กล่าว