กสิกรไทยจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ SMEs ไทย-จีน

นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการจีนที่เข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสาเหตุหลักมาจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีวัตถุดิบทางเกษตรกรรมอยู่จำนวนมาก ทำให้ผู้ประกอบการจีนต้องการเข้ามาลงทุนในไทยเพื่อจะได้อยู่ใกล้แหล่งวัตถุดิบ ซึ่งจะง่ายต่อการควบคุมคุณภาพวัตถุดิบก่อนส่งออกไปยังประเทศจีน อีกทั้งในปัจจุบันประเทศจีนมีกฎหมายสั่งห้ามนำธัญพืชหลัก 5 ประเภทได้แก่ ข้าวสาร ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ข้าวโอ๊ด และข้าวโพด มาใช้ผลิตในอุตสาหกรรม เนื่องจากจีนกำลังประสบปัญหาขาดแคลนอาหาร เพราะจำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงจีนสนับสนุนการใช้เอทานอลเพื่อลดการนำเข้าน้ำมันดิบ ซึ่งมันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเอทานอล ดังนั้นปริมาณความต้องการมันสำปะหลังของจีนจึงเพิ่มมากขึ้น

 


นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการจีนที่เข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสาเหตุหลักมาจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีวัตถุดิบทางเกษตรกรรมอยู่จำนวนมาก ทำให้ผู้ประกอบการจีนต้องการเข้ามาลงทุนในไทยเพื่อจะได้อยู่ใกล้แหล่งวัตถุดิบ  ซึ่งจะง่ายต่อการควบคุมคุณภาพวัตถุดิบก่อนส่งออกไปยังประเทศจีน อีกทั้งในปัจจุบันประเทศจีนมีกฎหมายสั่งห้ามนำธัญพืชหลัก 5 ประเภทได้แก่ ข้าวสาร ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ข้าวโอ๊ด และข้าวโพด มาใช้ผลิตในอุตสาหกรรม เนื่องจากจีนกำลังประสบปัญหาขาดแคลนอาหาร เพราะจำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงจีนสนับสนุนการใช้เอทานอลเพื่อลดการนำเข้าน้ำมันดิบ ซึ่งมันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเอทานอล ดังนั้นปริมาณความต้องการมันสำปะหลังของจีนจึงเพิ่มมากขึ้น
    
ทั้งนี้ ประเทศไทยเป็นประเทศหลักในการส่งออกมันสำปะหลังไปยังประเทศจีน โดยที่ผ่านมาประเทศไทยส่งออกมันสำปะหลังไปจีนสูงถึงร้อยละ 98 จากปริมาณการส่งออกมันสำปะหลังไปทั่วโลก เนื่องจากมันสำปะหลังของไทยมีคุณภาพสูงเป็นที่ต้องการของคนจีน
    
ปัจจุบันการซื้อขายมันสำปะหลังระหว่างผู้ประกอบการไทยและจีนจะผ่านพ่อค้าคนกลาง เนื่องจาก ผู้ประกอบการจีนยังไม่รู้จักผู้ส่งออกมันสำปะหลังของไทย ส่งผลให้ได้รับสินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการ ในขณะที่ทางผู้ประกอบการไทยเองก็มีความต้องการที่จะหาคู่ค้าที่รับซื้อมันสำปะหลังโดยตรงเพิ่มขึ้น ซึ่งธนาคารกสิกรไทยมองเห็นโอกาสในการช่วยจับคู่ธุรกิจให้กับผู้ประกอบการไทยและจีน จึงได้จัดกิจกรรม Business Matching ให้คู่ค้าได้มาเจรจาธุรกิจ เพื่อเพิ่มโอกาสที่จีนจะนำเข้ามันสำปะหลังจากไทยในปีนี้เพิ่มสูงขึ้นจากเดิมถึง 1 ล้านตัน ซึ่งจะสร้างรายได้เข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้นกว่า 7,000 ล้านบาท   
    
ทั้งนี้ การที่ธนาคารกสิกรไทยจัดกิจกรรมการจับคู่ธุรกิจระหว่างนักธุรกิจไทยและนักธุรกิจจีน ด้วยการนำคู่ค้ามาพบกันเพื่อให้เกิดการค้าการลงทุนอย่างแท้จริง ซึ่งจะช่วยตอบโจทย์ให้ผู้ประกอบการไทยมีความมั่นใจและเข้าใจการทำธุรกิจในประเทศจีน อีกทั้งยังเป็นการสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลจีนที่สนับสนุนให้ผู้ประกอบการจีนออกมาลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่ความสัมพันธ์อันดีทางการค้าและก่อให้เกิดมูลค่าทางธุรกิจระหว่างไทย-จีนในอนาคต รวมถึงยังเป็นการสร้างโอกาสให้ประเทศไทยได้เป็นศูนย์กลางในการขยายตลาดเข้าสู่ AEC ที่กำลังจะมาถึงอีกด้วย
    
การจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ที่ธนาคารกสิกรไทยจัดให้กับคู่ค้าเอสเอ็มอีไทยและจีน จะมีการจัดอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นไปที่สินค้าการเกษตร เช่น ยางพาราและลำไยอบแห้งเป็นหลัก เพราะเป็นสินค้าที่ตลาดจีนยังมีความต้องการสูงและผู้ประกอบการไทยหลายรายมีศักยภาพมากพอที่จะทำธุรกิจค้าขายในตลาดจีนได้ ในขณะที่ผู้ประกอบการจีนก็มีแนวโน้มที่จะเข้ามาลงทุนค้าขายกับไทยจำนวนมาก ซึ่งหากธนาคารสามารถช่วยสร้างเครือข่ายธุรกิจให้แข็งแกร่งและแน่นแฟ้นได้จะเป็นการช่วยให้เศรษฐกิจของทั้งสองประเทศขับเคลื่อนต่อไปได้อย่างมั่นคงแน่นอน
 

NEWS & TRENDS