แบรนด์ซีเล็ค (SEALECT) ทูน่ากระป๋องยอดขายอันดับ 1 ของประเทศไทย ภายใต้บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำอุตสาหกรรมอาหารทะเลระดับโลก ส่ง 4 กลยุทธ์เด็ดพัฒนาแบรนด์ สร้างการรับรู้ พร้อมขยายฐานครอบคลุมทุกวัย ตอบโจทย์กลยุทธ์เพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จปี 2573 (Strategy 2030) โดย 10 เดือนแรกของปีโกยยอดขายทะลุ 520 ล้านบาท หรือประมาณ 230 ล้านกระป๋อง รับกระแสทูน่ากระป๋องคอลเลคชั่นใหม่ SEALECT x SESAME STREET ก๊วนเพื่อนแสนซนแห่งถนนเซซามี่จากสหรัฐอเมริกาดีเกินคาด มั่นใจปิดปีโต 5 เปอร์เซ็นต์
ณัฐวีณ์ วชิรทวีพัฒน์ ผู้จัดการทั่วไปบริหารกลุ่มตลาดเกิดใหม่ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมค้าปลีกปลาทูน่ากระป๋องในประเทศไทยรวมโดยบริษัท Nielsen IQ ณ เดือนกันยายน มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 703 ล้านบาท ซึ่งเติบโตปีละประมาณ 2.6 เปอร์เซ็นต์ โดย 9 เดือนแรกของปี 2567 ซีเล็คทูน่าที่จัดจำหน่ายในช่องทางค้าปลีกมีรายได้รวม 305 ล้านบาท เติบโต 3.2 เปอร์เซ็นต์ ช่องทางธุรกิจบริการร้านอาหาร (Food Service) มีรายได้รวม 51 ล้านบาท เติบโต 14 เปอร์เซ็นต์ และช่องทางล่าสุดอย่างช่องทางออนไลน์ ที่สร้างรายได้รวมกว่า 5 ล้านบาททั้งนี้แบรนด์ซีเล็คทูน่าครองส่วนแบ่งการตลาดสินค้าทูน่ากระป๋องของกลุ่มตลาดค้าปลีกในประเทศไทยอยู่ที่ 57.1 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นอัตราการเติบโตราว 3.4 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสูงกว่าการขยายตัวของตลาดรวม
ปัจจุบันซีเล็คมีสินค้าแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1. สินค้าประเภทพร้อมทาน (Ready to Eat) เช่น น้ำพริก สเปรดพร้อมแครกเกอร์ กลุ่มเครื่องแกง และกลุ่มสินค้าท๊อปปิ้ง 2. สินค้าประเภทพร้อมปรุง (Ready to Cook) เช่น กลุ่มซีเล็คคลาสสิก กลุ่มซีเล็คพรีเมียม และกลุ่มซีเล็ค ฟิตต์ 0% ไขมันอิ่มตัว ที่สอดคล้องกับเทรนด์เรื่องสุขภาพที่ผู้บริโภคเลือกทานอาหารที่เป็นประโยชน์ โดยสินค้าในกลุ่มนี้เป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุดของแบรนด์
ขณะที่อัตราการบริโภคปลาทูน่าของคนไทยเฉลี่ยเพียง 120 กรัม/คน/ปี ซึ่งถือว่ายังน้อยมากเมื่อเทียบกับอัตราการบริโภคปลาทูน่าในยุโรปที่ 1.25 กิโลกรัม/คน/ปี ทำให้ซีเล็คมองเห็นถึงโอกาสและความท้าทายในการขับเคลื่อนตลาดทูน่ากระป๋องให้ขยายตัวมากขึ้น จึงได้เดินหน้าทำกลยุทธ์การตลาด ผ่านช่องทางออนไลน์ ออฟไลน์ และการจับมือร่วมกับพาร์ทเนอร์ระดับโลก เช่น เซซามี่ สตรีท การ์ตูนดังจากสหรัฐอเมริกา และแบรนด์ร้านอาหารชั้นนำในประเทศไทย เช่น โจนส์สลัด เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับโปรตีนดีจากทูน่าให้ครอบคลุมตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ พร้อมตั้งเป้าโต 8 เปอร์เซ็นต์ในอีก 6 ปี
ทั้งนี้ กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของแบรนด์ซีเล็คจะเน้นสร้างการรับรู้และขยายตลาด แบ่งออกเป็น 4 กลยุทธ์ ได้แก่ 1. การทำ Product Innovation ผ่านผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ พร้อมกับกิจกรรมทางการตลาดที่กระตุ้นให้คนไทยเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น 2. การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าในระยะยาวเพื่อรักษาฐานลูกค้า ผ่านกลยุทธ์ Customer Relationship Management (CRM) ผ่านแคมเปญ “ซีเล็คทูน่า ล่าท้ารวย แลกรางวัลหลักล้าน” ที่จะทำต่อเนื่องตลอดปี 3. การใช้ประโยชน์จาก Data-Driven Marketing ที่แบรนด์เก็บข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคด้วยตัวเอง และนำไปวิเคราะห์จนเราสามารถรับมือและทำความเข้าใจกับลูกค้าได้ดีขึ้น รวมถึงทำฐานข้อมูลได้เป็นระบบ เพิ่มความคล่องตัว และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของแบรนด์ให้คิดค้นผลิตภัณฑ์ นวัตกรรม โปรโมชั่น ออกมาได้ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้าแบบ 360 องศา ตอกย้ำการเป็นผู้นำในธุรกิจทูน่ากระป๋อง
“เรานำพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ปลาทูน่ามาเป็นจุดตั้งต้นในการทำงาน เพื่อช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างความแตกต่าง และตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด โดดเด่น และสร้างการจดจำได้มากขึ้น โดยเราพบว่าลูกค้าส่วนใหญ่มองว่าผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าเป็นอาหารสำหรับผู้ที่รักสุขภาพ ควบคุมน้ำหนัก และออกกำลังกายเท่านั้น และคนจะนึกถึงเมนูที่ทำจากทูน่าได้จำกัดอยู่เพียงแค่ 2- 3 เมนู เช่น แซนวิชทูน่า สลัดทูน่า ยำปลาทูน่า ทั้งที่เป็นวัตถุดิบที่มีโปรตีนดีสูงมากเหมาะกับทุกเพศทุกวัย ทำได้หลากหลายเมนู นอกจากนี้ เรายังเล่นกับเทรนด์ของตลาดมากขึ้นว่ามีกระแสอะไรใหม่และน่าสนใจเพื่อให้แบรนด์อยู่ในสายตาผู้บริโภค” นางสาวณัฐวีณ์ กล่าว
และ 4.กลยุทธ์ Strategic Partnership Collaboration การจับมือกับแบรนด์ดังระดับโลกเพื่อระดับโลกอย่างเซซามี่ สตรีท ตัวการ์ตูนสุดฮิตจากฝั่งอเมริกา ออกคอลเลคชั่นพิเศษ “SEALECT x SESAME STREET” ชวนก๊วนเพื่อนแสนซนแห่งถนนเซซามี่ ทั้ง Elmo, Big Bird และ Cookie Monster มาอยู่บนกระป๋อง “ซีเล็คทูน่า” เป็นครั้งแรกของโลก เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคใหม่ ๆ ด้วยแบรนด์และสีสันความน่ารักของผลิตภัณฑ์ ทำให้ได้รับการตอบรับดีเยี่ยมจากกลุ่มลูกค้า พร้อมทั้งโปรโมชั่นแถมถุงผ้าเซซามี่ทั้ง 3 แบบ ซึ่งสามารถจำหน่ายได้หมดภายในระยะเวลาเพียง 8 สัปดาห์ ซึ่งเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ และยังมีการติดต่อสอบถามถึงสินค้ารุ่นพิเศษนี้ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่าหากสามารถออกแบบสินค้าได้ถูกต้องโดนใจจะช่วยให้เกิดกำลังซื้อได้ หลังจากนี้มีแผนจะทำคอลแลปกับแบรนด์ระดับโลกอีกเพื่อต่อยอดความสำเร็จ
“ตามกลยุทธ์มุ่งสู่ปี 2573 หรือ Strategy 2030 ของไทยยูเนี่ยน ที่ปักธงให้ธุรกิจทูน่ากระป๋องซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับไทยยูเนี่ยนเติบโตอย่างยั่งยืน ซีเล็คทูน่า ถือเป็นหนึ่งแบรนด์เรือธงของไทยยูเนี่ยนที่อยู่คู่กับตลาดคนไทยมากว่า 32 ปี โดยในแต่ละปีเรามีสินค้าใหม่ ๆ ออกมาสู่ท้องตลาดไม่น้อยกว่า 2 SKUs ในปีนี้เรามีน้ำพริกกะปิทูน่า และทูน่าท็อปปิ้ง 2 รสชาติที่คนให้ความสนใจสูงมาก ขณะเดียวกันเรายังมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพและสินค้าให้ตอบโจทย์ตรงใจผู้บริโภค ด้วยกลยุทธ์ที่ชัดเจนและการปรับตัวให้สอดคล้องกับเทรนด์สุขภาพ เพื่อเพิ่มอัตราการบริโภคทูน่าในไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรักษาความเป็นผู้นำแบรนด์ทูน่ากระป๋องของคนไทยที่ผู้บริโภคให้ความไว้วางใจมากยิ่งขึ้น” ณัฐวีณ์ กล่าว
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี