SME D Bank ชวนเจาะเคล็ดลับธุรกิจ 2 ผปก.เมืองนครฯ “อ่าวขนอมซีฟู้ด” & “สิชลเดลี่เฟรช” เมืองรองที่กำลังจะกลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของภาคใต้

     ถ้าพูดถึงจังหวัดท่องเที่ยวภาคใต้ที่โด่งดัง เป็นที่รู้จัก มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปมากมาย ชื่อ ภูเก็ต, สุราษฏร์ธานี, พังงา, กระบี่ คงติดอันดับต้นๆ แต่สำหรับ “นครศรีธรรมราช” เมืองที่มีชายหาดทะเลเงียบสงบ อาจยังไม่ได้โดดเด่น จนมีชื่อติดหู เป็นที่รู้จักมากนักเหมือนกับจังหวัดข้างต้นที่ได้กล่าวมาข้างต้น แต่ภาพเมืองนครฯ ในวันนี้กำลังจะเปลี่ยนไป จากเมืองรองที่อาจไม่ได้ถูกพูดถึงมากเท่าไหร่ วันนี้กำลังจะกลายเป็นแลนด์มาร์คการท่องเที่ยวภาคใต้แห่งใหม่ ที่ยังมีโอกาสทางธุรกิจอยู่อีกมาก จนเริ่มมีนักธุรกิจ นายทุนเริ่มเบนเข็มเข้ามาลงทุนกันมากขึ้น

     เพื่อเป็นการปูทางอนาคต หากใครคิดอยากมาลงทุนทำธุรกิจที่นี่ วันนี้ SME D Bank หรือ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย จึงชวนมาเจาะเคล็ดลับการทำธุรกิจกับ 2 ผู้ประกอบการ “อ่าวขนอมซีฟู้ด” & “สิชลเดลี่เฟรช” จะเป็นอย่างไรกันบ้าง ไปดูกัน

อ่าวขนอมซีฟู้ด ใส่ใจคุณภาพวัตถุดิบ จนถึงรสชาติ

มีลูกค้าเข้าร้านไม่ต่ำกว่า 400-500 คนต่อวัน

     สุมาลี มยุหนาวีชัย เจ้าของร้าน อ่าวขนอมซีฟู้ด’ ร้านอาหารทะเลรับแขกแห่งชายหาดอำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่แต่ละวันมีลูกค้าแวะเวียนเข้าร้านไม่ต่ำกว่า 400-500 คน เล่าถึงความเปลี่ยนแปลงการท่องเที่ยวเมืองนครฯ และเคล็ดลับธุรกิจ ดังนี้

  • โควิดฯ ตัวกระตุ้นคนคืนถิ่น ส่งเมืองนครฯ ผู้ประกอบการเยอะขึ้น

 

     “เดิมตลาดท่องเที่ยวอำเภอขนอมจะเน้นธรรมชาติเป็นหลัก ที่นี่มีหมด น้ำตก ภูเขา ทะเล ลูกค้ามาพักโรงแรม 2 วัน 1 คืน ก็กลับ เพราะไม่ค่อยมีกิจกรรมอะไรให้ทำ แต่จากช่วงโควิดฯ เป็นต้นมา ผู้ประกอบการหลายคนที่เคยเป็นลูกจ้าง เริ่มกลับมาทำอะไรของตัวเองกันเยอะขึ้น การท่องเที่ยวของขนอมเริ่มคึกคักขึ้น โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวชาวไทย เริ่มมีคาเฟ่เล็กๆ เกิดขึ้น ตอนนั้นเป็นช่วงที่คลายล็อกดาวน์แรกๆ คนในประเทศก็ออกมาท่องเที่ยวกันเยอะขึ้น เราเองก็ทำธุรกิจโรงแรมอยู่แล้ว ทำมานานกว่า 18 ปี เลยลองหันมาทดลองเปิดคาเฟ่ด้วย ปรากฏว่าได้รับผลตอบรับดี ลูกค้าเข้าร้านวันละ 3,000-4,000 คน เพราะเป็นร้านแรกๆ ที่เปิดในขนอม

     "จากนั้นเลยลองต่อยอดมาทำร้านอาหารด้วย เพราะในตอนนั้นเรามองว่าขนอมยังไม่ค่อยมีร้านรับแขกที่รองรับนักท่องเที่ยวได้มาก ส่วนใหญ่เป็นร้านเล็กๆ ไม่กี่โต๊ะ เลยตัดสินใจเปิดขึ้นมา ก็ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างที่คิดไว้จริงๆ เราเปิดร้านมาแล้ว 4 ปี จนทุกวันนี้ก็ยังมีลูกค้าเฉลี่ยวันละประมาณ 400-500 คนได้ ช่วงวันศุกร์-อาทิตย์จะเยอะกว่านี้ เป็นนักท่องเที่ยวประมาณ 80-90% ในพื้นที่ 15-20%

     “โดยเคล็ดลับที่เราใช้ในการทำธุรกิจ มีดังนี้

  • เปิดกว้างรับลูกค้าได้ทุกกลุ่ม

     

     เราศึกษามาก่อนว่า โรงแรมที่ขนอมส่วนใหญ่มีตั้งแต่ระดับ 2 ดาว ไปจนถึง 5 ดาว  ดังนั้นเพื่อรองรับลูกค้าได้ทุกกลุ่ม เราจึงจัดสรรเมนูให้เลือกหลากหลาย มีตั้งแต่อาหารจานเดียว จานที่เริ่มต้นหลักร้อยนิดๆ มากินกัน 6-7 คน จ่ายแค่พันกว่าบาทก็มี ไปจนถึงกุ้งล็อบสเตอร์จานละ 3,000-4,000 บาท เราตั้งโจทย์เอาไว้ว่าโรงแรมที่ขนอมมีทั้งหมดกี่แห่ง ไม่ว่าระดับกี่ดาว เราอยากให้อย่างน้อยเขาแวะมากินที่ร้านเราสักมื้อ เราจะปรับตามลูกค้า เพราะทำให้ขายได้ง่าย ไม่ใช่ให้ลูกค้าปรับตามเรา เพราะก็ไม่รู้ว่าเขาจะชอบไหม โดยช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เรามีการรีโนเวตร้านอยู่ตลอดเวลา ในส่วนนี้เราได้เข้าร่วมโครงการกับ SME D Bank ทำให้ได้อัตราดอกเบี้ยที่ถูก ช่วยลดภาระต้นทุนได้มาก

  • ไม่สต็อกเยอะ เน้นขายหมดไว

             

     "ที่นี่เราจะเน้นใช้ของสด กุ้งสด ปลาสด ปูจับมาเป็นๆ ไม่ใช้ของแช่แข็ง โดยเราจะมีการดีลกับเรือประมงไว้ ปลาเจ้าหนึ่ง ปูเจ้าหนึ่ง กุ้งเจ้าหนึ่งว่า ถ้าเขาหามาได้ ให้เอาใส่ถังออกซิเจน และมาส่งให้เราก่อน โดยเราให้ราคาที่สูงกว่า ยอมจ่ายแพงหน่อย แต่ได้ของสด เป็นๆ มาทำให้ลูกค้า รสชาติที่ได้ก็จะดีกว่า ส่วนหอมนางรม เราจะสั่งมาจากฟาร์มที่สุราษฎร์ธานี ครั้งละ 300-400 ตัว 3-4 วัน สั่งที เราจะไม่สต็อกไว้เยอะ เอาแค่พอใช้ พยายามขายออกให้หมดไวๆ ในราคาจับต้องได้ ยกตัวอย่างเมนูปลา เราขายตัวหนึ่ง 350-500 บาท แล้วแต่ประเภทของปลา แต่บางเจ้าขาย 700-900 ก็มี แต่เราเอาราคาเราอยู่ได้ ลูกค้าอยู่ได้ เน้นการหมุนเวียนมากกว่า ถ้าหมุนเวียนได้เร็ว ของเราก็สด การสูญเสียก็น้อย นอกจากนี้เรายังมีเมนูซิกเนเจอร์ที่หากินที่อื่นไม่ได้ มีเฉพาะที่ร้านไว้เสิร์ฟลูกค้าด้วย เช่น เมี่ยงปลาสำลี, แกงปูใบชะพลู, ยำอ่าวซีฟู้ด เป็นเมนูขายดีไว้มัดใจลูกค้าอีกทางหนึ่งด้วย”

     ร้านอ่าวขนอมซีฟู้ด โทร. 084 245 0999 Facebook : อ่าวขนอม ซีฟู้ด

สิชลเดลี่เฟรช ปูม้าอัดกระป๋องคุณภาพ ความซื่อสัตย์ที่ยึดถือมานานกว่า 17 ปี

     อธิยุตว์ หาญมนตรี ผู้ก่อตั้ง บริษัท สิชลเดลี่เฟรช จำกัด เล่าความเป็นมาของธุรกิจให้ฟังว่า เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 17 ปีก่อน โดยก่อนจะมาทำแบรนด์เนื้อปูพาสเจอร์ไรซ์ของตัวเอง เคยทำงานเป็นพนักงานบริษัทที่นำเทคโนโลยีการทำปูพาสเจอร์ไรซ์เข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทยมาก่อน ทำให้มีองค์ความรู้ ภายหลังต่อมาจึงหุ้นกันกับเพื่อนชาวต่างชาติ เพื่อออกมาเปิดบริษัทของตัวเอง แต่ด้วยความที่ไม่ได้มีเงินทุนมากนัก จึงมองหาซับพลายเออร์และเสนอข้อตกลงด้วยการแบ่งหุ้นส่วนให้เพื่อแลกกับพื้นที่การผลิต

     โดยตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจ ก็เน้นการส่งออกเป็นหลักมาตลอด กระทั่งเจอผลกระทบจากโควิด-19 ยอดออร์เดอร์ต้องหยุดชะงัก เพราะมีลูกค้าตลาดใหญ่อยู่ที่อเมริกา จึงปรับหันมาทำการตลาดภายในประเทศมากขึ้น ชูเนื้อปูม้ากระป๋องพาสเจอร์ไรซ์เสิร์ฟถึงมือลูกค้า พร้อมกับแตกไลน์โปรดักต์เป็นอาหารแปรรูปจากเนื้อปูพร้อมทานเป็นทางเลือกให้ลูกค้า ปัจจุบันสามารถผลิตได้เดือนละ 3,000 กระป๋อง มียอดขายปีละ 50 ล้านบาท

     ตลอดระยะเวลา 17 ปี สิชลเดลี่เฟรช ดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์มาตลอด รวมถึงใส่ใจคุณภาพชีวิตของพนักงานทุกคน ยกตัวอย่างเช่น

  • ปูผสม ก็บอกว่าผสม แต่ทำยังไงให้ได้มาตรฐาน

 

     “ปกติแล้ว เวลาส่งปูให้กับลูกค้าเราจะใช้ปูจากไทย ซึ่งจะมีรสชาติหวานอร่อยกว่า แต่เคยมีครั้งหนึ่งที่ปูขาดแคลน ทำให้เราต้องนำเข้าปูจากฝั่งตะวันออกกลางและแอฟริกา ซึ่งเกรดจะรองไปกว่านิดนึง เข้ามาผสมด้วย เพื่อให้เพียงพอกับที่ลูกค้าสั่งเข้ามา แต่ถึงจะผสมเราก็ยังคงรักษามาตรฐานเหมือนเดิม โดยใส่ลงไปในอัตราส่วนที่ไม่มากเท่าไหร่ เพื่อให้ยังคงได้คุณภาพเหมือนเดิม มีอะไรเราก็แจ้งกับลูกค้าไปตรงๆ จึงทำให้ถึงแม้เราจะไม่ได้เป็นบริษัทที่ใหญ่มาก แต่ก็มีลูกค้าที่ค้าขายด้วยกันมา ตั้งแต่วันแรก จนทุกวันนี้ ช่วยประคองกันไป การมีพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่ดี คือ ความโชคดีอย่างหนึ่ง อย่างเงินทุนพัฒนาสินค้าหรือโรงงานผลิต ส่วนหนึ่งเราก็ได้สินเชื่อจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธพว. หรือ SME D Bank มาช่วยสนับสนุน”

  • เป็นที่รักของพนักงาน

 

     “ในส่วนของพนักงานเอง เราอยู่กันแบบครอบครัว ตลอดระยะเวลา 17 ปีที่ทำธุรกิจมา เรามีการ Turn Over น้อยมาก ส่วนใหญ่ก็ทำอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่วันแรก จนถึงวันนี้ มีอะไรเราก็ช่วยเหลือดูแลกัน ตัวผมไม่มีทายาท กำลังวางแผนอยากเกษียณ ซึ่งคิดไว้ว่าอยากยกให้พนักงานทั้งหมด ผมวางมือมา 5 ปีแล้ว อยากให้เขาบริหารจัดการดูแลกันเอง ไหนๆ ก็อยู่กันมานานแล้ว ผมคงไม่ต้องการอะไรอีก” 

 

     ในอนาคตสิชลเดลี่เฟรชมีการวางแผนต่อยอดธุรกิจ โดยกระจายสินค้าออกทั่วประเทศให้มากขึ้น พร้อมกับแตกไลน์สินค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น ทำแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ เริ่มมีการมองหาพันธมิตรในการจับคู่ธุรกิจเพื่อให้สามารถกระจายสินค้าได้ทั่วประเทศ  โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ เพื่อเป็นจุดพักสินค้ากระจายส่งไปทั่วประเทศได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น

     สิชลเดลี่เฟรช โทร. 084 208 5198 Facebook :เดอะแครบวิลเลจ

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

 

NEWS & TRENDS