นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ กล่าวภายหลังมอบนโยบายแก่ผู้บริหารระดับสูงของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เพื่อให้แนวทางการดำเนินงานของกรม สอดคล้องกับการดำเนินงานของรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ติดตามดูแลเกี่ยวกับภาคการส่งออกและช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอีซึ่งตนได้มอบหมายให้กรม เร่งผลักดันการหาตลาดใหม่ให้กับเอสเอ็มอีไทย ประกอบกับในปีนี้กระทรวงพาณิชย์ได้ประมาณการว่าการส่งออกจะมีการขยายตัวอยู่ที่ 8-9% ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่กรมจะต้องปรับแนวทางการบริหารงานให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่วางไว้
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ กล่าวภายหลังมอบนโยบายแก่ผู้บริหารระดับสูงของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เพื่อให้แนวทางการดำเนินงานของกรม สอดคล้องกับการดำเนินงานของรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ติดตามดูแลเกี่ยวกับภาคการส่งออกและช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอีซึ่งตนได้มอบหมายให้กรม เร่งผลักดันการหาตลาดใหม่ให้กับเอสเอ็มอีไทย ประกอบกับในปีนี้กระทรวงพาณิชย์ได้ประมาณการว่าการส่งออกจะมีการขยายตัวอยู่ที่ 8-9% ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่กรมจะต้องปรับแนวทางการบริหารงานให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่วางไว้
อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้กรม ไปศึกษาแนวทางช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ และให้นำแนวทางช่วยเหลือมาจัดไว้ในยุทธศาสตร์ของกรมด้วย เพื่อให้เป็นยุทธศาสตร์ของกระทรวงพาณิชย์ในปี 2557 รวมถึงให้ไปดูแนวทางในการนำเงินในส่วนของกองทุนส่งเสริมการส่งออกที่มีอยู่กว่า 4 พันล้านบาท โดยให้นำงบบางส่วนในกองทุนมาใช้ในการช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี
ทั้งนี้ ยอมรับว่าค่าเงินบาทที่ยังผันผวนในขณะนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยได้ พร้อมกันนี้ยังได้สั่งการไปยังสำนักงานตัวแทนการค้าในแต่ละประเทศทั่วโลก กลับไปศึกษาและรายงานสถานการณ์ของตลาดแต่ละประเทศ เพื่อให้สามารถกำหนดแนวทางการส่งออกของไทยได้อย่างเหมาะสมเพื่อช่วยเหลือภาคเอกชนอีกทางหนึ่ง
สำหรับตามกำหนดการหารือร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สอท.)และหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อรับฟังปัญหาผลกระทบจากค่าเงินบาทที่ผันผวนในวันที่ 11 กุมภาพันธ์นี้แต่เนื่องจากภาคเอกชนได้ขอเลื่อนการหารือออกไปเพราะติดเทศกาลตรุษจีน แต่ก็เชื่อว่าจะกำหนดวันหารือกันได้ภายในช่วงปลายสัปดาห์หน้า
ด้านนายทวารัฐ สูตะบุตร รองอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.) กล่าวว่าขณะนี้กระทรวงพลังงานกำลังหาหลายแนวทางช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบหลายด้าน ทั้งค่าแรง เงินบาทที่แข็งค่า ล่าสุดได้เปิดโครงการสนับสนุนเงินทุนเพื่อปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ประหยัดพลังงานแก่เอสเอ็มอี สัดส่วนรายละไม่เกิน 3 ล้านบาท หรือไม่เกิน 20%ของเงินลงทุนปรับเปลี่ยน โดยจะเปิดให้ผู้ประกอบการสมัครได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 16 เมษายน 2556 โดยใช้เงินกองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน 500 ล้านบาท มาดำเนินการเป็นรูปแบบเงินให้เปล่า คาดว่าจะช่วยลดต้นทุนเอสเอ็มอีในเรื่องการประหยัดพลังงานได้อย่างน้อย 1,250 ล้านบาท
ขณะเดียวกันให้การช่วยเหลือโดยใช้เอสโคฟันด์ร่วมลงทุนในการประหยัดพลังงาน และได้เสนอต่อกระทรวงการคลังในการต่ออายุสิทธิประโยชน์ทางภาษีเงินได้ให้แก่นิติบุคคล และบุคคลธรรมดาที่มีอาชีพพิเศษในการได้สิทธิลดหย่อนภาษีซื้ออุปกรณ์ประหยัดพลังงาน 25% โดยสิทธิประโยชน์นี้ได้สิ้นสุดอายุเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2555 โดยกระทรวงพลังงานเสนอกระทรวงการคลังให้ต่ออายุถาวร ก็จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการประหยัดพลังงานมากขึ้น