นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน (THCA) เปิดเผยว่า สมาคมได้ประเมินว่ากำลังซื้อหรือความต้องการสร้างบ้านในต่างจังหวัดไตรมาสแรกปี 2556 นี้ จะยังขยายการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 4 ปี 2555 ในขณะที่ความต้องการสร้างบ้านในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ก็น่าจะฟื้นตัวได้ดีเช่นกัน ภายหลังจากผู้บริโภคเลิกกังวลกับปัญหาน้ำท่วมซ้ำ
นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน (THCA) เปิดเผยว่า สมาคมได้ประเมินว่ากำลังซื้อหรือความต้องการสร้างบ้านในต่างจังหวัดไตรมาสแรกปี 2556 นี้ จะยังขยายการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 4 ปี 2555 ในขณะที่ความต้องการสร้างบ้านในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ก็น่าจะฟื้นตัวได้ดีเช่นกัน ภายหลังจากผู้บริโภคเลิกกังวลกับปัญหาน้ำท่วมซ้ำ
ทั้งนี้จากการสำรวจข้อมูลสมาชิกสมาคมฯ พบว่ากว่า 80% มียอดขายเพิ่มขึ้นในเดือนมกราคม 2556 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2555 รวมทั้งยังมีลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาใหม่และอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อปิดการขายในเดือนกุมภาพันธ์ 2556 อีกจำนวนมาก ทำให้สมาชิกสมาคมฯเชื่อมั่นว่าปี 2556 ตลาดรับสร้างบ้านจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังประสบกับปัญหาน้ำท่วมใหญ่และทำให้กำลังซื้อปี 2554-2555 ชะลอตัว
อย่างไรก็ตามในปี 2556 นี้สิ่งที่ผู้ประกอบการยังคงมีความกังวลอยู่มี 2 เรื่องหลักๆ ได้แก่ 1.ปัญหาแรงงานขาดแคลน และ2.ต้นทุนที่สูงขึ้นจากผลกระทบการปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท ซึ่งส่งผลให้ผู้ประกอบต้องแบกรับความเสี่ยงและต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ยังไม่ปรับราคาขายบ้าน
โดยในเรื่องนี้สมาคมฯได้มีการสอบถามความเห็นผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิก พบว่า เกือบทุกรายเห็นตรงกันที่จะยอมแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเอาไว้เอง หรือยอมเฉือนกำไร โดยพร้อมจะยืนราคาขายเดิมไปจนถึงสิ้นไตรมาสแรกปี 2556 จากนั้นจะปรับราคาขายบ้านเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2-4% เพราะไม่ต้องการทำให้ภาวะตลาดหรือกำลังซื้อที่กำลังฟื้นตัวสะดุดลง และเพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของผู้บริโภคที่ต้องการสร้างบ้านหลังใหม่ในช่วงต้นปี 2556 โดยเฉพาะผู้บริโภคที่ต้องการกู้ยืมเงินจากธนาคารเพื่อสร้างบ้าน
ส่วนปัญหาขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะผู้ประกอบที่ให้บริการอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียง ยอมรับว่ายังเป็นปัญหาน่าหนักใจ และไม่อาจแก้ไขได้ในระยะสั้นๆ แม้จะมีการนำเครื่องมือเบาและเครื่องมือหนักมาใช้แทนแรงงาน แต่ก็ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น ซึ่งสมาคมฯอยู่ระหว่างศึกษาระบบก่อสร้าง และมองหาวัสดุก่อสร้างสำเร็จรูปที่ลดการใช้แรงงาน โดยเสนอให้สมาชิกนำมาใช้ในการก่อสร้างบ้าน เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาแรงงานที่ขาดแคลน และแนะนำให้มีการปรับอัตราจ้างเหมาค่าแรงและค่าแรงต่อหน่วยเพิ่มขึ้นอีก 15-20% เพื่อสร้างแรงจูงใจช่างให้มาทำงาน
สำหรับ “ตลาดบ้านสร้างเอง”ทั่วประเทศปี 2556 สมาคมฯประเมินว่ามีมูลค่า 1.2 แสนล้านบาท ในขณะที่ “ตลาดรับสร้างบ้าน” คาดว่ามีมูลค่า 9,500-10,000 ล้านบาท เติบโต 5-10% จากปี 2555 ทั้งนี้สมาชิกสมาคมฯที่มีจำนวน 27 ราย คาดว่าจะมีส่วนแบ่งจากตลาดรับสร้างบ้าน 14-15% หรือคิดเป็น 1,400-1,500 ล้านบาท