ภาคเอกชนโดยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้ยื่น 7 ข้อเสนอการดูแลค่าเงินบาทต่อภาครัฐและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้แก่ 1.ดูแลค่าเงินบาทไม่ให้มีความผันผวนเร็วเกินไป 2.ดูแลเงินบาทไม่ให้แข็งค่ากว่าคู่แข่งในภูมิภาค โดยเฉพาะอินโดนีเซียและมาเลเซีย 3.ควรมีการผ่อนคลายกฎเกณฑ์การถือครองเงินตราต่างประเทศ 4.การลดวงเงินการทำธุรกรรมในการป้องกันความเสี่ยงและลดค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อให้เอสเอ็มอีสามารถเข้าถึงมาตรการป้องกันความเสี่ยงมากขึ้น 5.ควรมีการแยกบัญชีต่างประเทศ ระหว่างบัญชีที่เข้ามาลงทุนและบัญชีเก็งกำไร 6.ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการออกไปลงทุนในต่างประเทศ โดยเร่งแก้ พ.ร.บ.ส่งเสริมการลงทุน และ 7.ให้ภาครัฐและเอกชนเร่งลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ
ภาคเอกชนโดยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้ยื่น 7 ข้อเสนอการดูแลค่าเงินบาทต่อภาครัฐและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้แก่ 1.ดูแลค่าเงินบาทไม่ให้มีความผันผวนเร็วเกินไป 2.ดูแลเงินบาทไม่ให้แข็งค่ากว่าคู่แข่งในภูมิภาค โดยเฉพาะอินโดนีเซียและมาเลเซีย 3.ควรมีการผ่อนคลายกฎเกณฑ์การถือครองเงินตราต่างประเทศ 4.การลดวงเงินการทำธุรกรรมในการป้องกันความเสี่ยงและลดค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อให้เอสเอ็มอีสามารถเข้าถึงมาตรการป้องกันความเสี่ยงมากขึ้น 5.ควรมีการแยกบัญชีต่างประเทศ ระหว่างบัญชีที่เข้ามาลงทุนและบัญชีเก็งกำไร 6.ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการออกไปลงทุนในต่างประเทศ โดยเร่งแก้ พ.ร.บ.ส่งเสริมการลงทุน และ 7.ให้ภาครัฐและเอกชนเร่งลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ
วันเดียวกัน นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธาน ส.อ.ท.ได้นำสมาชิกเดินทางเข้าพบ นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท. เพื่อนำข้อเสนอ 7 ข้อในการดูแลค่าเงินบาทของสมาชิก ส.อ.ท.มาหารือกับผู้ว่าการ ธปท. เนื่องจากมองว่าแนวโน้มค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้น โดยอาจจะถึง 28 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธปท. กล่าวภายหลังการหารือว่า ธปท.ได้ชี้แจงว่าค่าเงินบาทในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาแข็งค่าค่อนข้างเร็ว แต่ช่วงที่ผ่านมายังมีการเคลื่อนไหวในลักษณะทั้งแข็งค่าและอ่อนค่า เหมือนกับค่าเงินหลายสกุลในภูมิภาค ที่บางช่วงก็มีทั้งแข็งค่าและอ่อนค่า
ทั้งนี้ ส.อ.ท.เสนอแนะให้ ธปท.ดูแลค่าเงินบาทด้วยการเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่ง คือ 9 ประเทศในอาเซียน รวมถึงจีน อินเดีย บังคลาเทศ และศรีลังกา ซึ่ง ธปท.ก็พร้อมจะดูแลค่าเงินตามข้อเสนอแนะ แต่การที่จะให้ค่าเงินบาทอยู่ในระดับเดียวกับค่าเงินของภูมิภาค คงเป็นไปไม่ได้ เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจแต่ละประเทศแตกต่างกัน.