ญี่ปุ่นวางอนาคตหนีไทยไปเพื่อนบ้าน

นายเชตซูโอะ อิอุจิ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) เปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มทางเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในประเทศไทยช่วงครึ่งหลังปี 2555 ว่า ผู้ประกอบการญี่ปุ่นในประเทศไทยเห็นว่านโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันของรัฐบาลไทย จะส่งผลกระทบต่อค่าแรงงานให้เพิ่มสูงขึ้นในระยะกลางและระยะยาว รวมทั้งไทยจะมีปัญหาด้านการขาดแคลนแรงงานเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นผู้ประกอบการญี่ปุ่นในไทยจึงได้เตรียมแผนรองรับปัญหาดังกล่าวไว้แล้ว โดยจะมีการนำเข้าเครื่องจักรมาทดแทนการใช้แรงงานคนมากขึ้น รวมทั้งมาตรการต่อไปที่จะรองรับปัญหาดังกล่าวคือการปรับขึ้นราคาขายสินค้าในอนาคต

 


นายเชตซูโอะ อิอุจิ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) เปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มทางเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในประเทศไทยช่วงครึ่งหลังปี  2555 ว่า ผู้ประกอบการญี่ปุ่นในประเทศไทยเห็นว่านโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันของรัฐบาลไทย จะส่งผลกระทบต่อค่าแรงงานให้เพิ่มสูงขึ้นในระยะกลางและระยะยาว รวมทั้งไทยจะมีปัญหาด้านการขาดแคลนแรงงานเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นผู้ประกอบการญี่ปุ่นในไทยจึงได้เตรียมแผนรองรับปัญหาดังกล่าวไว้แล้ว โดยจะมีการนำเข้าเครื่องจักรมาทดแทนการใช้แรงงานคนมากขึ้น รวมทั้งมาตรการต่อไปที่จะรองรับปัญหาดังกล่าวคือการปรับขึ้นราคาขายสินค้าในอนาคต

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาผู้ประกอบการญี่ปุ่นเลือกลงทุนในประเทศจีนเป็นหลัก รองลงมาคือประเทศในอาเซียน โดยเลือกประเทศไทยเป็นอันดับแรกของการลงทุนในอาเซียนมานานกว่า 50-60 ปีแล้ว แต่แนวโน้มค่าแรงงานในจีนและไทยที่เพิ่มสูงขึ้น อาจส่งผลให้ในอนาคตผู้ประกอบการญี่ปุ่นหันไปลงทุนในประเทศอื่นๆ ในอาเซียนมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศอินโดนีเซีย สหภาพพม่าและเวียดนาม เป็นหลัก

“ผู้ประกอบการญี่ปุ่นต้องการเรียกร้องให้รัฐบาลไทยเข้ามาดูแลในเรื่องแผนการป้องกันปัญหาน้ำท่วมถาวร รวมทั้งสนับสนุนการตั้งกองทุนป้องกันภัยพิบัติอย่างครบวงจร รวมทั้งผ่อนปรนหลักเกณฑ์การจ่ายค่าสินไหมจากอุบัติภัยน้ำท่วมให้สะดวกขึ้น และผ่อนปรนสัดส่วนการถือหุ้นต่างชาติได้ไม่เกิน 49% ให้เพิ่มมากขึ้นด้วย รวมถึงต้องการให้ปรับระเบียบขั้นตอนทางศุลกากรชายแดนให้เกิดความสะดวกในการลงทุนในอาเซียนด้วย และรองรับเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปลายปี 2558“ นายเชตซูโอะกล่าว

สำหรับในปี 2556 นี้ การลงทุนของญี่ปุ่นโดยรวมในประเทศไทยจะยังคงเติบโตต่อไป แต่จะน้อยกว่าปี 2555 เนื่องจากเป็นปีที่เพิ่งฟื้นตัวจากปัญหาน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 ส่วนอัตราค่าเงินบาทที่นักลงทุนญี่ปุ่นวางแผนการลงทุนไว้เฉลี่ยอยู่ในระดับ 31 บาทต่อเหรียญสหรัฐ แต่การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงนี้น่าจะเป็นเพียงระยะสั้น และต้องจับตาดูต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร แต่นักลงทุนญี่ปุ่นได้มีแผนธุรกิจรองรับปัญหาดังกล่าวไว้อยู่แล้ว.

NEWS & TRENDS