นพ.ทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความผันผวนทางเศรษฐกิจ ทั้งจากปัจจัยภายในและนอกประเทศในช่วงที่ผ่านมา อาทิ วิกฤติเศรษฐกิจในยุโรปที่ส่งผลกระทบต่อยอดการส่งออก การแข็งค่าขึ้นของเงินบาท และการปรับเพิ่มขึ้นของค่าแรงขั้นต่ำที่ 300 บาท
นพ.ทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความผันผวนทางเศรษฐกิจ ทั้งจากปัจจัยภายในและนอกประเทศในช่วงที่ผ่านมา อาทิ วิกฤติเศรษฐกิจในยุโรปที่ส่งผลกระทบต่อยอดการส่งออก การแข็งค่าขึ้นของเงินบาท และการปรับเพิ่มขึ้นของค่าแรงขั้นต่ำที่ 300 บาท
สำหรับคณะกรรมการ ประกอบด้วย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการฯ, นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ และให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธานกรรมการคนที่ 1, ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ เป็นรองประธานกรรมการคนที่ 2
อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯ คือ กำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รวมถึงกำหนดสาขาของเอสเอ็มอีที่จะได้รับความช่วยเหลือ และกำหนดกรอบการใช้เงินตามโครงการให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอีจากงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในลักษณะงบฉุกเฉินเร่งด่วน หรือเป็นเงินอุดหนุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานของผู้ประกอบการจนขอสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์หรือธนาคารรัฐได้ รวมถึงจัดทำแนวทางการจัดสรรและอนุมัติงบประมาณการใช้เงินตามโครงการให้ความช่วยเหลือต่างๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ประสบปัญหา และพิจารณาเห็นชอบให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการตามหลักเกณฑ์ แนวทางและสาขาของเอสเอ็มอีด้วย
โดยให้คณะกรรมการฯ เร่งดำเนินการตามหน้าที่ให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่แต่งตั้ง