นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า จากการประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาททั่วประเทศ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจการเกษตร เฟอร์นิเจอร์ไม้ สิ่งทอ และพลาสติก ที่ต้องอาศัยแรงงานจำนวนมาก ส่งผลให้ต้นทุนธุรกิจสูงขึ้น ทั้งนี้มีหลายจังหวัดที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างรุนแรง อาทิ จังหวัดในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้
นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า จากการประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาททั่วประเทศ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจการเกษตร เฟอร์นิเจอร์ไม้ สิ่งทอ และพลาสติก ที่ต้องอาศัยแรงงานจำนวนมาก ส่งผลให้ต้นทุนธุรกิจสูงขึ้น ทั้งนี้มีหลายจังหวัดที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างรุนแรง อาทิ จังหวัดในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้
ธนาคารจึงเตรียมมาตรการช่วยเหลือลูกค้า 3 เรื่อง ประกอบด้วย การแบ่งเบาภาระทางการเงิน ให้ลูกค้าพักชำระเงินต้นได้ 6 เดือน (Grace Period) เพื่อให้มีเวลาในการปรับตัวจากต้นทุนค่าแรงงานที่เพิ่มขึ้น การเพิ่มเงินทุนให้กับธุรกิจ สำหรับลูกค้าที่ต้องการเงินทุนเพิ่มเติมเพื่อใช้ในธุรกิจ ด้วยวงเงินสินเชื่อสูงสุด 20% ของวงเงินหมุนเวียนที่มีอยู่ และการสนับสนุนสินเชื่อการลงทุนด้านเครื่องจักรเพื่อทดแทนการใช้แรงงานบางส่วน โดยลูกค้าสามารถผ่อนชำระแบบบอลลูนได้ ให้สามารถผ่อนน้อยในช่วงแรกและผ่อนมากในช่วงที่สถานการณ์ดีขึ้น พร้อมกันนี้ยังเตรียมรุกตลาดต่างจังหวัดเพื่อให้นักธุรกิจภูมิภาคเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบเพิ่มมากขึ้น
ผลการดำเนินงานในปี 2555 สายงานธุรกิจลูกค้าผู้ประกอบการ(เอสเอ็มอี) ของธนาคารเติบโตสอดคล้องกับตลาดสินเชื่อรวม โดยครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งอยู่ที่ 30% มียอดรายได้รวมอยู่ที่ 31,182 ล้านบาท โต13.7% ยอดสินเชื่ออยู่ที่ 468,301 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 8.7% ส่วนในปี 2556 ได้ตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 35,095 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.6% สินเชื่ออยู่ที่ 528,420 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.8% และเพิ่มดัชนีความพึงพอใจในบริการจากระดับ 77 เป็น 79 ภายในสิ้นปี 2556