นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า จากการรับฟังความเห็นเกี่ยวกับร่างยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนในระยะ 5 ปี (2556-2560) พบว่าผู้ประกอบการกังวลเกี่ยวกับผลกระทบกิจการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนไปแล้ว ซึ่งบีโอไอยืนยันว่าโครงการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนแล้วยังคงได้รับสิทธิประโยชน์จนกว่าจะครบสิทธิ์ แต่ยกเว้นกิจการใหม่ที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนหลังจากยุทธศาสตร์ใหม่ประกาศบังคับใช้แล้วก็จะได้รับสิทธิประโยชน์ตามนโยบายใหม่
นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า จากการรับฟังความเห็นเกี่ยวกับร่างยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนในระยะ 5 ปี (2556-2560) พบว่าผู้ประกอบการกังวลเกี่ยวกับผลกระทบกิจการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนไปแล้ว ซึ่งบีโอไอยืนยันว่าโครงการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนแล้วยังคงได้รับสิทธิประโยชน์จนกว่าจะครบสิทธิ์ แต่ยกเว้นกิจการใหม่ที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนหลังจากยุทธศาสตร์ใหม่ประกาศบังคับใช้แล้วก็จะได้รับสิทธิประโยชน์ตามนโยบายใหม่
สำหรับร่างยุทธศาสตร์ใหม่กำหนดตามพ.ร.บ.ส่งเสริมการลงทุน ซึ่งกำหนดให้สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลไม่เกิน 8 ปี และในการทำร่างยุทธศาสตร์ใหม่ บีโอไอเสนอให้มีการแก้พ.ร.บ.ส่งเสริมการลงทุนเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการกำหนดสิทธิประโยชน์ เพื่อให้ยกเว้นภาษีเงินได้มากกว่า 8 ปี สำหรับดึงดูดการลงทุนที่มีศักยภาพสูงแข่งกับประเทศคู่แข่ง และปรับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 50% เป็นไม่เกิน 90% รวมทั้งยกเว้นภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าเพื่อวิจัยและพัฒนา และสร้างเครื่องมือส่งเสริมการลงทุนใหม่
นอกจากนี้ การแก้ไขกฎหมายส่งเสริมการลงทุนจะเพิ่มการส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศ ซึ่งกฎหมายปัจจุบันให้สิทธิประโยชน์เฉพาะการลงทุนในประเทศ และให้นักธุรกิจไปรับสิทธิประโยชน์ของประเทศที่เข้าไปลงทุน โดยการแก้กฎหมายต้องใช้เวลาก็จะกำหนดสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายเดิมไปก่อน และถ้าแก้กฎหมายได้ก็จะปรับปรุงสิทธิประโยชน์เพิ่ม