นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.กระทรวงแรงงาน เปิดเผยหลังการประชุมสัมมนาการรับมอบนโยบายสำหรับขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศและชี้แจงการจัดทำงบประมาณปี 2557 ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่านายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้กระทรวงแรงงานร่วมกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เร่งจัดระบบแรงงานต่างด้าวตามแนวตะเข็บชายแดน ที่ทำงานแบบเช้ามาเย็นกลับให้เป็นระบบ ซึ่งมีจังหวัดที่ติดกับแนวตะเข็บชายแดนทั้งหมด 32 จังหวัดทั่วประเทศ
นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.กระทรวงแรงงาน เปิดเผยหลังการประชุมสัมมนาการรับมอบนโยบายสำหรับขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศและชี้แจงการจัดทำงบประมาณปี 2557 ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่านายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้กระทรวงแรงงานร่วมกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เร่งจัดระบบแรงงานต่างด้าวตามแนวตะเข็บชายแดน ที่ทำงานแบบเช้ามาเย็นกลับให้เป็นระบบ ซึ่งมีจังหวัดที่ติดกับแนวตะเข็บชายแดนทั้งหมด 32 จังหวัดทั่วประเทศ
โดยเรื่องนี้จะเรียกนายประวิทย์เคียงผล อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.)มาสอบถามเรื่องระบบการทำงานของแรงงานต่างด้าวในปัจจุบันว่าอะไรเป็นจุดอ่อน ก็จะต้องปรับปรุงให้ชัดเจน ซึ่งอาจจะมีการนำระบบคอมพิวเตอร์มาใช้ในการกรอกข้อมูลของแรงงานต่างด้าวกลุ่มเช้ามาเย็นกลับ เพื่อให้รู้ว่าใน 1 วัน มีแรงงานเดินทางเข้ามาจำนวนเท่าใดเดินทางกลับเท่าใด และยังเหลืออีกจำนวนเท่าไหร่ เพื่อที่จะได้ควบคุมให้ถูกต้องและไม่มีการลักลอบไปทำงานนอกเหนือจากที่ได้รับอนุญาต รวมไปถึงค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม เพื่อป้องกันปัญหาแรงงานเถื่อนและการค้ามนุษย์
นายเผดิมชัย กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรี ยังกำชับให้จับคู่ตำแหน่งงาน(แมชชิ่ง) กับสถานศึกษาต่างๆ เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)ว่า เมื่อมีการเคลื่อนย้ายแรงงานเสรีจะกระทบแรงงานไทยหรือไม่ เพราะปัจจุบันขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ จะต้องเน้นการผลิตแรงงานกลุ่มอาชีวศึกษา เพื่อให้ทำงานที่ตรงกับความต้องการของตลาด นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ดูแลสวัสดิการแรงงานหลังจากการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยเฉพาะการยกระดับฝีมือแรงงานให้มีทักษะที่เพิ่มมากขึ้นควบคู่กับการที่ให้กระทรวงพาณิชย์ (พณ.)ควบคุมราคาสินค้า หรือลดต้นทุนทางการขนส่งสินค้า โดยให้แหล่งผลิตตั้งอยู่ใกล้กับเมือง เช่น การปลูกผัก เป็นต้น