SME Bank เตรียม 1,000 ล้านหนุน "สตาร์โอทอป"

รายงานข่าวจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(เอสเอ็มอีแบงก์) แจ้งว่า ธนาคารเตรียมวงเงิน 1,000 ล้านบาท สนับสนุนสินเชื่อ “สตาร์โอทอป (Star OTOP)” เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการโอท็อปให้มีโอกาสดำเนินธุรกิจอย่างราบรื่น ช่วยต่อเติมเงินทุนเพิ่มเงินหมุน สร้างกิจการให้เติบโตมั่นคง โดยธนาคารปล่อยกู้ตั้งแต่ 50,000 บาท แต่ไม่เกิน 1,000,000 บาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยพิเศษ แบ่งกลุ่มพิจารณาและผันแปรไปตามคุณสมบัติของผู้กู้ตามหลักเกณฑ์ของธนาคาร ระยะเวลาผ่อนนาน 7 ปี ชำระแต่ดอกเบี้ยนานสูงสุด 1 ปีและสามารถกู้โดยใช้บุคคลค้ำประกันได้

หอการค้าพิษณุโลกมั่นใจขึ้นค่าแรง SMEs เดือดร้อนแน่

นายวิศว วิศวชัยวัฒน์ ประธานหอการค้า จ.พิษณุโลก เผยว่านโยบายค่าจ้างแรงงานวันละ 300บาท ที่จะมีผลบังคับใช้วันที่ 1ม.ค.2556 ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ว่าจะมีผลกระทบรุนแรงเพียงใด เพราะยังไม่ได้เริ่มใช้ แต่เชื่อมั่นว่าจะต้องมีผลกระทบแน่นอน เพราะพิษณุโลกค่าจ้างแรงงาน 236-237 บาทต่อวัน เมื่อปรับขึ้นเป็นวันละ 300 บาททำให้ต้นทุนค่าจ้างเพิ่มทันที 30% ทำให้ผู้ประกอบการในจังหวัดพิษณุโลกกระทบไปทุกแห่งเพราะต้นทุนสูงขึ้น

บี้ "พาณิชย์" แจงผลาญงบทำร้านถูกใจไร้ผล

นายชนินทร์ รุ่งแสง ประธานกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ได้มาติดตามการดำเนินมาตรการลดค่าครองชีพภายใต้โครงการร้านถูกใจ ที่ใช้งบประมาณถึง 1,320 ล้านบาท เพราะข้อมูลที่กระทรวงพาณิชย์ชี้แจงเกี่ยวกับการใช้งบประมาณดังกล่าวยังมีประเด็นที่น่าสงสัยหลายประเด็น เช่น โครงการเน้นการใช้งบประมาณเพื่อจัดซื้อจัดจ้าง และจัดทำประชาสัมพันธ์โครงการมากถึง 400-500 ล้านบาท ถือว่าเป็นสัดส่วนการใช้งบประมาณที่สูงมาก แต่กลับไม่สามารถชี้แจงได้ว่า โครงการดังกล่าวมีการกระจายสินค้าได้ทั่วถึงหรือไม่ ช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชนได้แล้วเท่าไร และยังมีการร้องเรียนเกี่ยวกับอุปสรรคในการดำเนินการ เช่น การขนส่งสินค้าที่จัดจ้างบริษัท ไปรษณีย์ไทย ดำเนินงาน และการคัดเลือกผู้สมัครที่มีการใช้ระบบเส้นสาย ซึ่งได้ขอให้ทางกรมการค้าภายในนำข้อมูลเหล่านี้มาชี้แจงกมธ. เพิ่มเติมอีกครั้ง

เอกชนย้ำ ปี 56 รัฐหมดเหตุผลตรึงราคาสินค้า

นายธนิต โสรัตน์ รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากการที่รัฐประกาศปรับขึ้นค่าแรง 300บาทต่อวันทั่วประเทศมีผล 1 ม.ค. 2556 ดังนั้นรัฐบาลก็คงไม่มีเหตุผลที่จะให้เอกชนตรึงราคาสินค้าโดยคาดว่าภาระต้นทุนที่เกิดขึ้นผู้ประกอบการที่สามารถผลักไปยังราคาสินค้าได้ก็จะเลือกดำเนินการแต่อาจจะไม่ได้ครอบคลุมทั้งหมดก็ตามซึ่งเฉลี่ยราคาสินค้าปีหน้าจะขยับ5-10%

ห่วงขึ้นค่าแรงทำ SMEs เจ๊งลามเศรษฐกิจไทยพัง

นายสมมาต ขุนเศษฐ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า เมื่อรัฐบาลได้ประกาศปรับขึ้นค่าแรง 300บาทต่อวันทั่วประเทศ มีผล 1 ม.ค. 2556 นั้นน เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ รัฐบาลควรตั้งกองทุนเพื่อชดเชยส่วนต่างค่าแรงที่เพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เงิน 5-6 หมื่นล้านบาทต่อปี อีกทั้ง หากไม่สามารถหามาตรการที่ดีพอมาลดผลกระทบให้เอกชน ปี 2556 ก็จะเห็น SMEs ที่มีถึง 90% ของภาคอุตสาหกรรมทยอยปิดกิจการลงคาดว่าจะเห็นผลกลางปีเป็นต้นไป แต่สิ่งที่น่าห่วงคือ SMEs บางส่วนจะเป็นห่วงโซ่การผลิตของอุตสาหกรรมรายใหญ่เช่น สิ่งทอ รองเท้า อาหาร ฯลฯ ผลกระทบอาจจะต่อเนื่องไปถึงอุตสาหกรรมภาพรวมและนี่อาจจะเป็นต้นเหตุให้เศรษฐกิจไทยพังเร็วขึ้นเพราะขณะนี้เศรษฐกิจไทยก็เปราะบางแล้ว

สศก.คาด ปี 55 ค้าชายแดนแม่สอด 3.7 หมื่นล้าน

นายชวพฤฒ อินทรเทศ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เขต 2 พิษณุโลก สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เปิดเผยว่า งานเสวนาเรื่อง "เปิดพรมแดนเมืองเศรษฐกิจใหม่ แม่สอด-เมียวดี" เป็นงานที่มุ่งเน้นให้นักธุรกิจไทยและพม่าเข้ามาลงทุนในเขตการค้าชายแดนแม่สอด-เมียวดี ให้มากขึ้น ทั้งนี้ ประเทศไทยเป็นประเทศคู่ค้าของพม่า มาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน มีมูลค่าการค้าสูงเป็นอันดับ 2 รองจากจีน ซึ่งในปี 2554 มีมูลค่าการค้าโดยรวมของไทย-พม่า สูงถึง 287,000 ล้านบาท โดยเป็นมูลค่าการค้าชายแดนในจุดผ่านแดนถาวร 4 จุด ทั้งประเทศประมาณ 120,000 ล้านบาท หรือ คิดเป็นมูลค่าร้อยละ 42 ของมูลค่าการค้าไทย-พม่า ทั้งหมด นอกจากนี้ หากพิจารณามูลค่าการค้าชายแดนของไทย-พม่า พบว่าเขตการค้าชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก นั้นเป็นจุดผ่านแดนถาวรที่มีมูลค่าของการค้าชายแดนสูงสุด หรือประมาณ 20,000-30,000 ล้านบาทต่อปี และในปี 2555 คาดว่า ไทยจะมีมูลค่าการค้ามากกว่า 37,000 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 30 ของมูลค่าการค้าชายแดนทั้งหมด

อาเซียน-จีน เพิ่มกลไกแก้ปัญหาการค้า

นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2555 ซึ่งเป็นวันที่มีการประชุมผู้นำอาเซียน-จีน ครั้งที่ 15 รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนและจีน ได้ลงนามพิธีสารอาเซียน-จีน 2 ฉบับ ฉบับแรกคือ พิธีสารเพื่อผนวกข้อบทอุปสรรคเทคนิคต่อการค้า และมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช เข้าไปในความตกลงด้านการค้าสินค้า ภายใต้กรอบความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน หรือพิธีสาร SPS/TBT และอีกฉบับได้แก่ พิธีสารเพื่อแก้ไขกรอบความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน ทั้งนี้ พิธีสารทั้งสองฉบับจะมีผลใช้บังคับในวันที่ 1 มกราคม 2556

อาเซียน+6 เปิดโอกาสการค้า- SMEs ไทย

นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงโอกาสทางการค้าของไทยภายใต้การจัดทำความตกลงพันธมิตรทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership หรือเรียกว่า“RCEP”) หรืออาเซียน+6 ว่า เป็นความตกลงที่จะพัฒนาต่อยอดจากความตกลงการค้าเสรีที่อาเซียนมีอยู่ 5 ฉบับ กับ 6 ประเทศ (จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดีย) ให้เป็นความตกลงการค้าเสรีร่วมกันฉบับเดียว โดยมีอาเซียนเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ครอบคลุมทุกมิติการค้า (สินค้า บริการ ลงทุน มาตรการการค้า ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ) หากการเจรจาประสบความสำเร็จ RCEP จะช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุนของภาคเอกชนได้มากยิ่งขึ้น