บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัดประเมินภาพรวมสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ไทยปี 2556 ว่าน่าจะเติบโตได้ต่อเนื่องด้วยอัตราเลข 2 หลัก เป็นปีที่ 4 ติดต่อกันที่ระดับ 10 - 13% ตามแรงส่งของเศรษฐกิจในภาพรวม แม้จะชะลอลงเมื่อเทียบกับปี 2555 ที่ 13.5%ส่วนหนึ่งคงเป็นผลจากฐานเงินให้สินเชื่อรวมที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งกระจายไปทั้งในฝั่งสินเชื่อภาคธุรกิจ และสินเชื่อรายย่อย ขณะที่ เมื่อเทียบเป็นปริมาณเงินให้สินเชื่อสุทธิที่เพิ่มขึ้นแล้ว คาดว่าจะเห็นเงินให้สินเชื่อสุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 1 ล้านล้านบาท สูงกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับระดับการเพิ่มขึ้นในปี 2555 และอาจหนุนให้ขนาดสินเชื่อรวมของธนาคารพาณิชย์ไทยแตะระดับ 10 ล้านล้านบาทภายในสิ้นปี 2556
นายอธิป พีชานนท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการสินเชื่อสนับสนุนผู้รับเหมารายย่อย เป็นโครงการที่ผู้ประกอบการอสังหาฯ และสถาบันการเงินร่วมมือกันเพื่อสนับสนุน ให้ผู้รับเหมารายย่อยมีเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานอย่างยั่งยืน สามารถทำงานได้แล้วเสร็จ และลดปัญหาการทิ้งงานให้น้อยลงด้วย
สำหรับผลกระทบต่อต้นทุนสินค้าจากการขึ้นค่าแรง 300 บาททั่วประเทศในวันที่ 1 ม.ค.2556 นั้น กรมการค้าภายในได้ศึกษาภาพรวมผลกระทบจากการขึ้นค่าแรง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมวันละ 245 บาท หรือเพิ่มขึ้น 22.45%
นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงผลสำรวจของศูนย์วิจัยธุรกิจบัณฑิตย์(มธบ.)เกี่ยวกับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ เป็นวันละ 300 บาท ใน 70 จังหวัด โดยคาดการณ์ว่ามีธุรกิจเอสเอ็มอีมีผลกระทบประมาณ 1 ล้านรายและแรงงานตกงานประมาณ 6.4 แสนคน รวมทั้งเสนอให้รัฐบาลตั้งกองทุนชดเชยส่วนต่างค่าจ้างแบบขั้นบันไดให้แก่ผู้ประกอบการในวงเงิน 1.4 แสนล้านบาทในช่วง 3 ปีว่า ตนเชื่อว่าภาคธุรกิจจะไม่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงเนื่องจากการปรับขึ้นค่าจ้าง เพราะผู้ประกอบการมีเวลาปรับตัวกว่า 1 ปี ตั้งแต่รัฐบาลได้ประกาศนโยบายดังกล่าว
นายประวิทย์ เคียงผล อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กล่าวภายหลังประชุมคณะอนุกรรมการบริหารจัดระบบการจ้างงานแรงงานต่างด้าว ที่มีนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.แรงงาน เป็นประธานการประชุม ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เสนอขอให้กระทรวงแรงงานผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่า กัมพูชาและลาว ที่ยังไม่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติ อยู่ในราชอาณาจักรไทยชั่วคราวเป็นระยะเวลา3 เดือน ระหว่างรอการดำเนินการให้เป็นแรงงานที่ถูกกฎหมาย ซึ่งข้อมูลของ กกจ.มีแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ ที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์สัญชาติทั้งหมด 266,677 คน แยกเป็นพม่า จำนวน 27,474 คน ลาว จำนวน 99,019 และกัมพูชา จำนวน 140,184 คน
แหล่งข่าวจาก กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่มีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นประธานในวันที่26 ธันวาคม ที่ประชุมจะมีการพิจารณาอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนส่งท้ายปี2555จำนวน 24 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 100,000 ล้านบาท
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า กระทรวงการคลังยังไม่สามารถเสนอมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ ในวันที่ 1 ม.ค.2556 ได้ หลังหน่วยงานราชการบางแห่งยังมีความเห็นไม่สอดคล้องกัน โดยเฉพาะแนวทางที่เอกชนเสนอให้รัฐบาลช่วยเหลือชดเชยส่วนต่างค่าจ้างที่ปรับเพิ่มขึ้น ถือเป็นเรื่องที่ดำเนินการได้ยาก และไม่มีความเหมาะสม ส่วนมาตรการช่วยเหลืออื่นๆ ล่าสุดยังอยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสม คาดว่าจะสรุปได้เสร็จก่อนเสนอให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาได้ในวันที่ 8 ม.ค.2556
นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยว่า จากนโยบายการขึ้นค่าแรง 300 บาท ที่จะประกาศใช้ทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ที่จะถึงนี้เป็นต้นไปนั้น มองว่าจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของธุรกิจร้านอาหารมากพอสมควร โดยเฉพาะร้านอาหารในตลาดต่างจังหวัด เนื่องจากค่าแรงรวมกันต่อเดือนจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5,000 บาทเท่านั้น หากมีการปรับค่าแรงเพิ่มเป็น 300 บาทต่อวัน จะส่งผลให้ค่าแรงต่อเดือนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเป็น 9,000 บาท หรือเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 100% ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับค่าแรงในเขตของกรุงเทพฯ และปริมาณฑล ที่ปรับขึ้นเป็นวันละ 300 บาทก่อนหน้านี้ หรือจากค่าแรงต่อเดือน 7,500 บาท เป็น 9,000 บาท
น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังหารือกับผู้ผลิตสินค้าที่ร่วมโครงการ ร้านค้าถูกใจ อาทิ สหพัฒน์ ล็อกซ์เล่ย์ น้ำตาลมิตรผล เพื่อวางแนวทางการดำเนินโครงการในปี 2556 หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้ขยายโครงการ โชห่วยช่วยชาติ ออกไปถึงเดือนมีนาคม 2556 ขณะนี้กรมเตรียมนำงบประมาณที่เหลืออีก 200 ล้านบาท มาดำเนินโครงการร้านค้าถูกใจ แต่จะยกเลิกเงื่อนไขการจ่ายเงินค่าจ้างขายสินค้าในร้านทั้งหมด เพื่อคัดเลือกผู้ประกอบการที่เป็นตัวจริง ที่ไม่ได้หวังค่าจ้างขายสินค้า ซึ่งจะไม่เน้นการเพิ่มจำนวนร้านค้า แต่จะสร้างความเข้มแข็งให้กับร้านค้าเดิม