เคล็ดลับการตลาดแบบใหม่ เหมาะกับยุคผู้บริโภคฉลาดซื้อ จาก “แอ๊ม การตลาดการเตลิด”

TEXT: สุภาวดี ใหม่สุวรรณ์

PHOTO: สุนันท์ ล้อสมทรัพย์


     ในยุคที่ผู้บริโภคฉลาดซื้อเพราะเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น ถือเป็นเรื่องยากหากผู้ประกอบการคิดจะป้ายยาหรือเป่าหูให้คนมาซื้อสินค้าเหมือนแต่ก่อน เมื่อโลกเปลี่ยน พฤติกรรมผู้บริโภคปรับ แล้วเอสเอ็มอีจะทำการตลาดเหมือนเดิมได้อย่างไร ศรัณย์ แบ่งกุศลจิต CEO & Co-founder Uppercuz Creative กูรูการตลาดพร้อมแบ่งปันมายด์เซ็ตและกลยุทธ์ที่สามารถนำไปปรับใช้เพื่อชนะใจลูกค้าได้ทันที

คอนเทนต์พัฒนาสู่วิดีโอสั้น

     คุณศรัณย์กล่าวว่าการมาถึงของ TikTok ได้เปลี่ยนแลนด์สเคปของสื่อสังคมออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม และแจ้งเกิดคอนเทนต์รูปแบบใหม่คือ “Short VDO” หรือ “วิดีโอสั้น” ดังจะเห็นว่าวิดีโอสั้นระบาดไปทั่ว ที่สำคัญทุกแบรนด์ไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก ล้วนหันมาทำวิดีสั้นทั้งนั้น การป้ายยาแบบเดิมๆ ด้วยภาพและตัวหนังสืออาจเสี่ยงตกยุคเสียแล้ว

     “เราอยู่กับการเล่าเรื่องด้วยภาพนิ่งและตัวหนังสือมาเป็นสิบๆ ปี ตอนนี้เทรนด์ที่มาแรงคือการเล่าเรื่องด้วยวิดีโอสั้น แต่ผู้ประกอบการ 100 คน จะเก่งทำวิดีโอ 10 คน และประสบความสำเร็จด้วยการทำวิดีโอไม่ถึง 5 คน เพราะยุคก่อนคนไทยถูกสอนมาให้เรียบร้อย ต้องเงียบ ต้องดูดี ใส่สูทผูกไทด์ และคนเจเนอเรชันนั้นก็โตขึ้นมาเป็นผู้ประกอบการในยุคนี้

     ต้องยอมรับว่าเด็กๆ ยุคใหม่นั้นเก่ง กล้าแสดงออก เรียกว่าเกิดมาเพื่อ TikTok เขาเต้นเป็น ทำคอนเทนต์เป็นเลย และนี่คือเวฟต่อไปของผู้ประกอบการที่คุณจะต้องกลัว คิดว่าอีกสักประมาณไม่เกิน 3-5 ปี เด็กกลุ่มนี้กําลังจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ประกอบการที่ชนะเรา สิ่งที่เขาไม่มีก็เพียงแค่เงินทุนเท่านั้น แต่ถามว่าเงินทุนในยุคนี้หายากเหรอ?” ศรัณย์ เปิดประเด็นชวนให้คิด

ใช้ผู้ทรงอิทธิพลแห่งยุคให้เป็น

     นอกจากการเล่าเรื่องด้วยภาพนิ่งและตัวหนังสือจะเอาท์แล้ว คุณศรัณย์ยังเผยว่ายุคนี้ยังเป็นยุคที่ดาราอยู่ยากที่สุด เพราะเมื่อผู้บริโภคฉลาดขึ้น ย่อมไม่เชื่อในสิ่งที่ดาราผู้นั้นโฆษณา

     “ผู้บริโภคสมัยนี้มองหาคอนเทนต์ที่จริงจัง คอนเทนต์ที่เรียลมากขึ้น การเป่าหูแบบเดิมๆ เริ่มไม่ได้ผล การเลือกใช้คนที่มีผู้ติดตามเป็นล้าน อาจจะไม่ทรงพลังเท่ากับการใช้คนตัวเล็กๆ หรือ Content Creator ที่มีผู้ติดตาม 30,000-50,000 คน เลือกใช้ประมาณ 10-20 คน แต่สามารถป้ายยาให้สินค้าตัวหนึ่งดังได้ เพราะคนที่เป็น KOL, Blogger, Influencer, TikToker ยุคนี้มีอิทธิพลอย่างกับดาราเลย  

     แต่ไม่ใช่ว่าใช้ดาราโฆษณาไม่ได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ โดยอาจใช้ดาราตัวใหญ่ทำให้สินค้าดังก่อน แล้วใช้ตัวเล็กเข้ามาสนับสนุน ยึดโยงเป็นสตอรี่เดียวกัน ต้องเข้าใจว่าผู้บริโภคคนไทยชอบเอ็นเตอร์เทน คนตัวเล็กไม่มีข้อจำกัด ไม่ต้องรักษาภาพลักษณ์ จึงสามารถสร้างคอนเทนต์และทำแบรนด์ให้ปังได้ ถ้าสินค้าของคุณอยู่ในกระแสแล้ว การตัดสินใจซื้อก็ไม่ยาก เพราะคนไทยกลัวตกเทรนด์ ยิ่งถ้าสามารถรักษาคุณภาพของความนิยมไว้ได้ สินค้าก็จะยิ่งติดตลาด”

เล่าสตอรี่ให้สนุกและต่อเนื่อง

     การทำการตลาดในยุคนี้จำเป็นต้องมี “คอนเทนต์” หรือ “สตอรี่” ที่จะทำให้ผู้บริโภคสนใจสินค้า คุณศรัณย์ให้คำแนะนำเบื้องต้นแก่ผู้ประกอบการว่าให้เริ่มต้นเล่าเรื่องเบื้องหลังการทำสินค้า แนวคิดการออกแบบ ที่มาที่ไปของวัตถุดิบก่อน โดยหัวใจสำคัญคือการเล่าเรื่องอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ

   “ไม่มีใครอยากฟังคุณขายของหรอก เซลล์และโปรโมชั่นเป็นเรื่องง่ายที่สุดที่จะต้องทำอยู่แล้ว แต่เรื่องที่ยากที่สุดและเซ็กซี่ที่สุดคือ การทำแบรนด์ดิ้ง จงเล่าสตอรี่ของสินค้าออกมา แต่ส่วนใหญ่คนมักจะชอบคิดว่าใครจะมาสนใจเรื่องของเรา บอกเลยว่ามันจะมีคนที่สนใจคุณและไม่สนใจคุณเสมอ คุณแค่สนใจคนที่สนใจคุณ และทำให้คนที่สนใจนั้นรักคุณให้ได้ ส่วนคนที่ไม่สนใจคุณก็ปล่อยไป เพราะว่าไม่มีสินค้าใดขายให้กับทุกคนบนโลก

     ฉะนั้นเล่าเรื่องสิ่งที่คุณเป็น สิ่งที่คุณทำ เล่าไปเรื่อยๆ ยุคนี้มันแข่งกันที่ Consistency หรือความต่อเนื่อง ความยากคือเล่าอย่างไรให้สนุก ถ้าไม่ถนัดจงมองหา KOL, Influencer มาช่วยเล่าเรื่อง แต่ถ้าไม่มีงบประมาณจ้าง เชื่อเถอะว่า KOL, Influencer ที่ดีที่สุดก็คือตัวคุณ เพราะคุณเองรู้ดีที่สุดเกี่ยวกับตัวสินค้า ในฐานะที่คุณเป็นผู้ประกอบการ คุณต้องสร้างตัวตนขึ้นมา แบรนดิ้งทั้งสินค้าและตัวคุณเองด้วย ไม่ต้องกลัวว่าฉันไม่หล่อไม่สวย ยุคนี้ผู้บริโภคไม่ได้กดติดตามเพียงเพราะสนใจหน้าตา แต่สนใจว่าคุณมีคุณค่าอะไรให้กับเขา”

จูนมายด์เซ็ตแบบนักวิ่งมาราธอน

     ในช่วงเวลาที่ยากลำบากของการทำธุรกิจเช่นนี้ คุณศรัณย์แนะนำว่าผู้ประกอบการควรปรับตัวและทำความเข้าใจโลกสมัยใหม่โดยมองผ่านเลนส์ 3 เรื่อง กล่าวคือ หนึ่ง เข้าใจโซเชียลมีเดียและเครื่องมือต่างๆ ที่จะทำให้แบรนด์ดังในโลกออนไลน์ได้ สอง เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป สามสินค้าและบริการต้องมีแบรนด์ เมื่อแบรนด์ดิ้งดีย่อมสามารถจะอัพราคาสินค้าให้สูงขึ้นได้ นอกจากนี้ ยังต้องมีมายด์เซ็ตที่ดีถึงจะทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน

     “เวลานี้ผู้ประกอบการต้องมีมายด์เซ็ตแบบวิ่งมาราธอน ทำไปเรื่อยๆ แม้มองไม่เห็นเส้นชัย แต่ต้องทำ การทำคอนเทนต์เป็นเรื่องที่เหนื่อยนะ ทำไปไม่เห็นอะไร แต่คุณต้องเชื่อว่าจะมีวันที่สำเร็จ ที่สำคัญต้องวิ่งมาราธอนแบบดูแผนที่ ทดลองปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าทำเหมือนเดิม มิเช่นนั้นคุณจะเหนื่อยต่อไปแบบที่ไม่รู้ว่าวันไหนจะสำเร็จ

     แน่นอนว่าการทำวิดีโอครั้งแรกนั้นยาก การออกกล้องครั้งแรกก็ยาก ระหว่างทางอาจจะมีนอยด์บ้างที่คนดูน้อย คนติดตามน้อย จงหาคนข้างกายที่จะเป็นพลังบวกให้คุณมีแรงลุกขึ้นมาทําซ้ำอย่างต่อเนื่อง ฝึกฝนวนไปจนกว่าจะเก่ง หรือเจอคลิปที่เป็นไวรัลหรือสร้างชื่อเสียงให้กับคุณ และอีกทักษะหนึ่งที่จําเป็นอย่างยิ่งคือ ทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต วันนี้ TikTok ดังมาก ในอนาคตก็จะมีของใหม่ๆ ออกมาให้เราลองและเรียนรู้อีกมาก”

     หากต้องการผลลัพธ์ที่แตกต่าง เอสเอ็มอีก็ต้องพร้อมเสมอที่จะเรียนรู้และทดลองทำสิ่งใหม่ๆ ที่อาจเปลี่ยนชีวิตหรือพลิกธุรกิจคุณไปตลอดกาล

     ข้อมูลจากงาน “SOLD OUT on Stage...แบไอเดีย ขายเกลี้ยงแผง

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

AI ช่วยอะไรได้บ้าง ใช้ยังไง? ฟังผู้บริหาร YDM แนะ

ในยุคที่เทคโนโลยี AI ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว จะปรับตัวอย่างไรให้ทัน? ร่วมไขข้อข้องใจไปกับ ณัฐพล จิตงามพงศ์ จาก YDM กูรูผู้เชี่ยวชาญในการนำ AI มาใช้แบบ Full Funnel ที่จะมาแนะวิธีการใช้ AI ฉบับย่อสำหรับเจ้าของธุรกิจ SME โดยเฉพาะ

อยากเปลี่ยน แก้ว มาใช้ กระป๋อง สร้างมูลค่าเพิ่มเมนูเครื่องดื่ม ต้องรู้อะไรบ้าง?

ร้านกาแฟเดี๋ยวนี้ นอกจากจะแข่งขันกันด้วยรสชาติ บรรยากาศแล้ว การเปลี่ยนแก้ว มาเป็นกระป๋องบรรจุเครื่องดื่ม ก็เป็นอีกวิธีที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะไม่เพียงจะช่วยดึงดูดใจลูกค้า ยังสร้างมูลค่าได้ด้วย อยากเปลี่ยนแก้วมาเป็นกระป๋อง ต้องรู้อะไรบ้าง ไปดูกัน