หรือจะหมดยุค Double Day? เมื่อกลยุทธ์ของถูกเริ่มไม่ขลัง ยอดช้อปออนไลน์ในจีนลดฮวบ 7 พันล้าน

TEXT : Nitta Su.

     ตอนนี้ไม่ว่าจะหันไปทางไหน ก็มักได้ยินแต่ข่าวเศรษฐกิจไม่ดี ขายของไม่ได้ ปิดกิจการอยู่เต็มไปหมด ไม่ว่าในไทย หรือต่างประเทศ ล่าสุดแว่วมาว่าแม้แต่ตลาดจีน ที่เป็นอีกแหล่งส่งออกรายได้หลักของไทย จากจำนวนประชากรที่มีมากกว่า 1,400 ล้านคน สูงกว่าไทยถึง 20 เท่าตัว ก็ย่ำแย่ไม่ต่างกัน ถึงขั้นว่ายอดขายสินค้าออนไลน์ที่เคยสะพัดกว่าหลายพันล้านดอลลาร์ต่อเนื่องกันมาหลายปี ก็ดูจะไม่อู้ฟู่เหมือนเก่า จากเทศกาลช้อปปิ้งใหญ่ที่ลดราคาถูกสุดๆ ผู้คนแย่งกันซื้อ ก็เงียบลงไปถนัดตา ทั้งที่จีนเป็นต้นฉบับกลยุทธ์โปรโมชั่นขายของถูก Double Day Sale ยังไม่นับรวมข่าวแว่วที่ว่านักธุรกิจจีนเตรียมบุกไทยแบบเต็มสูบ

     ทำยังไงกันดีล่ะทีนี้ ผู้ประกอบการไทย? ต้องรับมือทั้งศึกนอก ศึกในกันหรือเปล่า ลองฟังข้อมูล และวิเคราะห์ไปตามๆ กัน

เทศกาลช้อปปิ้งออนไลน์ ยอดลดฮวบ คนไม่สนใจซื้อเหมือนก่อน

     JD.com เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีน และผู้ค้าปลีกออนไลน์รายอื่นๆ เช่น Tmall ของ Alibaba Group และ Pinduoduo เผยยอดขายสินค้าในเทศกาล 618 หรือเทศกาลลดกระหน่ำกลางปี (ตรงกับวันที่ 18 มิถุนายนของทุกปี) ปี 2024 มียอดขายลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี

     สอดคล้องกับ Syntun ผู้ให้บริการข้อมูลการค้าปลีกที่ได้ออกมาประเมินว่าในเทศกาลช้อปปิ้ง 618 ที่ผ่านมา ซึ่งมีขนาดใหญ่เทียบเท่ากับเทศกาล 11 หรือ วันคนโสด (11 พ.ย.ของทุกปี) ในปีนี้สามารถทำยอดขายได้เพียง 102.3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลงกว่า 7% หรือกว่า 7 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับปี 2023 ที่ทำไว้ได้ประมาณ 109 พันล้านดอลลาร์ โดยสาเหตุหลักข้อหนึ่งน่าจะมาจากการที่ชาวจีนมีการใช้เงินอย่างรัดกุมมากขึ้น

     โดยในอดีตที่ผ่านมาธุรกิจอีคอมเมิร์ซถือว่ามีสัดส่วนค่อนข้างมากในการใช้จ่ายด้านการค้าปลีกของจีน ยกตัวอย่างในปี 2566 ยอดขายปลีกออนไลน์ทั่วประเทศสูงถึง 2.12 ล้านล้านดอลลาร์ คิดเป็น 27.6% ของยอดขายปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งหมดในประเทศ (ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน)

ปัจจัยภายในเป็นเหตุ เมื่อผู้บริโภคมีความรอบคอบมากขึ้น

     จากจำนวนผู้ซื้อที่ลดลง เว็บไซต์ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซของจีนหลายแห่ง จึงหันมาใช้กลยุทธ์ส่วนลดมหาศาลเพื่อดึงดูดลูกค้าให้มาซื้อสินค้ากันมากขึ้น ตัวอย่างเช่น เมื่อเร็วๆ นี้ Alibaba เสนอส่วนลด 50% สำหรับเสื้อผ้า Lululemon และ JD.com เสนอขาย iPhone ของ Apple ด้วยส่วนลดสูงถึง 20% รวมถึงแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่มีการจัดลดราคาหลายครั้งตลอดทั้งปี ตั้งแต่วันตรุษจีนจนถึงคริสต์มาส แทนที่จะจัดเฉพาะวันคนโสดหรือวันลดราคา 618 เท่านั้น

     มีการวิเคราะห์กันว่าการที่เศรษฐกิจของจีนหลังการระบาดใหญ่ยังคงฟื้นตัวช้า อาจเป็นผลมาจากปัจจัยภายในมากกว่าปัจจัยภายนอก

     Allison Malmsten กรรมการบริหารของ Daxue Consulting บริษัทที่ปรึกษาด้านการวิจัยตลาดและกลยุทธ์ เผยข้อมูลว่าพบดัชนีการจัดซื้อจากตัวแทนของบริษัทขนาดใหญ่และรัฐวิสาหกิจ หดตัวลงเป็นเดือนที่สองติดต่อกันตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สาเหตุหนึ่งมาจากความมั่นใจของผู้บริโภคที่ต่ำลง บวกกับผู้คนมีความรอบคอบมากขึ้นในการซื้อสินค้า

     “ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง ผู้คนมีความพิถีพิถันมากขึ้นในการจับจ่ายใช้สอย ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจะซื้อสินค้าเพราะว่าพวกเขาต้องการมัน ไม่ใช่เพราะส่วนลดที่หวือหวา” Allison กล่าว

     Yaling Jiang ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยผู้บริโภคในจีนเจ้าของบทความ "Following the Yuan" แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่าด้วยแคมเปญกระตุ้นการขายที่มีมากเกือบตลอดทั้งปี ทำให้เทศกาลประจำปีต่างๆ เหล่านั้นค่อยๆ สูญเสียความน่าดึงดูดใจไปเช่นกัน

“กิจกรรมการขายที่มากเกินไป ก่อให้เกิดความน่าเบื่อต่อการตลาด เพราะนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคนั้นลึกซึ้งยิ่งกว่า เมื่อชาวจีนเริ่มใช้เหตุผลมากขึ้นในการซื้อสินค้า ทั้งความคุ้มทุนและความจำเป็นมากขึ้นYaling กล่าว

เศรษฐกิจถดถอย วิกฤตอสังหาริมทรัพย์จีน ส่งผลกระทบวงกว้าง

     โดยมีการวิเคราะห์เพิ่มเติมว่า การที่ผู้คนหันมาใช้จ่ายน้อยลง มีความละเอียดรอบคอบมากขึ้น อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย ความไม่แน่นอนในอนาคต ทำให้หลายคนอยากมีเงินออมไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน โดยอัตราการว่างงานของเยาวชนในประเทศจีนอยู่ที่ 14.9% ในเดือนธันวาคม ปี 2023 ที่ผ่านมา โดยมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวในประเทศในไตรมาสแรกของปี 2024 อยู่ที่ 905 เหรียญสหรัฐฯ (ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน)

     อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดต่ำลง มาจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ในจีนที่มีแนวโน้มจะแย่ลงอีกมาก โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ราคาบ้านใหม่ลดลงมากที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนระบุว่าราคาบ้านใหม่ใน 70 เมืองใหญ่ของจีนลดลง 0.7% เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน

     “โดยปกติ ผู้บริโภคชาวจีนมองว่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นเสมือนหลักยึดและเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัย แต่นับตั้งแต่ Evergrande Group กลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สัญชาติจีน และบริษัทยักษ์ใหญ่รายอื่นๆ ล้มละลาย ความรู้สึกของผู้คนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก โดยมีความเห็นพ้องต้องกันมากขึ้นว่า มูลค่าทรัพย์สินจะยังคงลดลงแบบนี้ต่อไปอีกเรื่อยๆ” Yaling กล่าวทิ้งท้ายเอาไว้

ไทย หมุดหมาย ทางรอดนักธุรกิจจีน

     จากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในจีน ส่งผลให้ผู้ประกอบการธุรกิจในจีนหลายคนหนีตายหันออกมาตั้งรกราก ทำธุรกิจอยู่นอกประเทศกันมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีปัจจัยหลายอย่างเอื้ออำนวย ดังที่เราได้เห็นข่าวกันอยู่บ่อยๆ

     ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปี 2566 เผยมูลค่าการนำเข้าสินค้าจีนสูงถึง 4.7 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนราว 41% ของการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งหมดของไทย ขณะที่ตลาดค้าปลีกไทยมีมูลค่าโดยรวม 4 ล้านล้านบาท ซึ่งหมายความว่าสินค้าที่จำหน่ายในท้องตลาดไทยเกือบครึ่ง! มาจากสินค้าจีน ที่ส่งผลกระทบหนักน่าจะเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าในหมวดแฟชั่นเครื่องแต่งกาย และเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งวันนี้มีอัตราการผลิตในโรงงานไม่ถึง 50% ของกำลังการผลิต แถมยังไม่สามารถแข่งขันด้านต้นทุนได้ (ข้อมูลจากฐานเศรษฐกิจ)

     ทำไมไทยจึงเป็นเป้าหมายของจีน?

     นอกจากการออกมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลไทยที่เอื้อต่อการมาลงทุนของนักธุรกิจจีน อาทิ สิทธิพิเศษทางภาษี, Free Zone Warehouse

     ธีรพล แซ่ตั้ง คอลัมน์นิสต์ประจำกรุงเทพธุรกิจได้เขียนบทความวิเคราะห์ “ธุรกิจจีนบุกไทย ยิ่งโตไว ธุรกิจในไทย “ยิ่งตายเร็ว” !? โดยมองว่าการเข้ามาทำธุรกิจในไทยของคนจีนยุคเสื่อผืนหมอนใบเทียบกับยุคปัจจุบัน ไม่ดุเดือดเท่ากับทุนจีนทั้งเทาและไม่เทาที่เข้ามา โดยอดีตก่อนยุคอินเตอร์เน็ตและเทคโนโลยีสมัยใหม่เฟื่องฟู แม้การแข่งขันจะดุเดือดยังไง ก็เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ถึงขั้นพลิกเปลี่ยนแบบหน้ามือเป็นหลังมือ ที่รวดเร็วจนตามแทบไม่ทัน

     ทุกวันนี้การที่จีนหนีเข้ามาทำการค้าขายในไทยมากขึ้น เป็นเพราะการแข่งขันในจีนนั้นดุเดือดกว่าไทยหลายเท่า ขณะเดียวกันจีนยังถูกอเมริกาและยุโรปหลายๆ ประเทศ กีดกันทางการค้าจากการป้องกันด้วยกำแพงภาษี รวมถึงกฎระเบียบต่างๆ ไทยจึงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจของจีน และจากความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนานในอดีต ไทยเองยังต้องพึ่งพาจีน ทำให้ต้องบาลานซ์ความสัมพันธ์จากสองขั้วอำนาจระหว่างอเมริกาและจีน จึงไม่สามารถตั้งมาตรการกีดกันทางการค้ากับจีนได้ ทำให้แทบทุกธุรกิจในไทยถูกทุนจีนทยอยมาบุกและยึด ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจค้าปลีก ท่องเที่ยว เกษตร อุตสาหกรรม ยานยนต์ เทคโนโลยี อสังหา วัสดุก่อสร้าง การศึกษา โดยมีสัญญาณที่น่ากลัว คือ ในปี 2566 ไทยขาดดุลการค้ากับจีนสูงถึง 1.3 ล้าน ล้านบาท เป็นตัวเลขที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์

     โดยทางแก้ที่อาจช่วยให้ผู้ประกอบการไทยรอดนั้น มองว่ามี 3 ส่วน คือ

  • ภาครัฐ ควรมีความพยายามและกล้าที่จะแก้ปัญหาจริงจังกว่านี้ให้ครอบคลุมทุกมิติก่อนไทยจะกลายเป็นอีก 1 มณฑลทางธุรกิจของจีนในไม่ช้า โดยควรฟังเสียสะท้อนจากภาคธุรกิจต่างๆ เพื่อหาแนวทางแก้ไขและป้องกัน รวมถึงหาวิธีเจรจากับจีนให้เข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับธุรกิจไทยในปัจจุบัน

 

  • ภาคประชาชน มองว่าควรหันมาอุดหนุนสินค้าไทยกันให้มากขึ้น แต่ก็เข้าใจผู้บริโภคได้ดีว่า หากสินค้าราคาถูกกว่า คุณภาพใกล้เคียงกัน ก็ยากที่ใครจะไม่อุดหนุนสินค้าจีน จึงอาจต้องมีการเพิ่มมูลค่า หรือให้อะไรที่เพิ่มมากกว่าสินค้าจีนแก่ผู้บริโภค

 

  • ผู้ประกอบการธุรกิจ ควรวิเคราะห์สถานการณ์ธุรกิจอย่างใกล้ชิด 6 เดือน ถึง 1 ปีข้างหน้า ว่าหากมีสถานการณ์เลวร้ายเกิดขึ้น จะไปต่อยังไง หรือธุรกิจน่าจะยังอยู่ต่อได้ไหม ควรกระจายความเสี่ยงไปทางใดได้บ้าง หาพันธมิตรใหม่ๆ หรือธุรกิจใหม่ หรือการสร้างมูลค่าเพิ่มให้หนีจากสินค้าจีน เพื่อไม่ต้องแข่งขันด้านราคา

 

     และนี่คือ สถานการณ์เศรษฐกิจจีนที่เกิดขึ้น ที่กลับส่งผลกระทบอย่างมากต่อผู้ประกอบการธุรกิจไทย ทั้งที่ไปบุกตลาดจีน หรือแม้แต่อยู่ในประเทศ แต่โดนเขาเข้ามาบุก คงต้องปรับตัว เตรียมตั้งรับกันยกใหญ่แล้วล่ะ!

ที่มา : https://www.businessinsider.com/china-economy-so-bad-people-wont-buy-cheap-alibaba-items-2024-7?utm_source=ground.news&utm_medium=referral

https://www.bangkokbiznews.com/business/biz-bizweek/1135617#google_vignette

https://www.thansettakij.com/blogs/columnist/editorial/594435#google_vignette

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

ปฏิวัติวงการเดลิเวอรี่! ใช้โดรนส่งอาหารถึงกำแพงเมืองจีน ตีตลาดพื้นที่ระดับความสูง 0.6 ไมล์

ตั้งแต่บริการธุรกิจเดลิเวอรี่เติบโตขึ้นมาก เรามักได้เห็นความพยายามคิดรูปแบบการขนส่งใหม่ๆ ล่าสุดใครจะคิด แม้แต่บนกำแพงเมืองจีนที่ยาวกว่า 20,000 กม. ก็มีการใช้โดรนส่งอาหารให้นักท่องเที่ยวกันแล้ว

6 โอกาสทำเงินในธุรกิจอาหาร 2025

โลกของอาหารกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และปี 2025 ก็เป็นอีกปีที่น่าจับตามองสำหรับธุรกิจอาหาร ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจอาหารมากมาย

จับตา TEMU อีคอมเมิร์ซจีนเน้นของถูก ตัวตึงใหม่ป่วนตลาดโลกจากสหรัฐถึงไทย

สำหรับขาช้อปออนไลน์ทั้งหลายช่วงนี้คงจะคุ้นหูกับชื่อของ TEMU แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจากจีน มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่ง ได้เข้ามาให้บริการในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา