TEXT : Neung.Cch
Photo: Butterbear.th
หนึ่งในการตลาดยุคนี้ที่ได้ผลดีคงหนีไม่พ้นการใช้อินฟลูเอนเซอร์ ซึ่งมีอยู่มากมายทั้งที่เป็นบุคคล ไล่ไปจนถึงอินฟลูเอนเซอร์ที่เป็นสัตว์เลี้ยง แต่นาทีนี้ใครจะคิดว่าตัวมาสคอต “น้องหมีเนย Butterbear” จะกลายมาเป็นอินฟลูท่านหนึ่งที่มีแฟนคลับหนาแน่นไม่ใช่เฉพาะในไทยเท่านั้น แม้แต่ชาวจีนก็ยังกลายมาเป็นแฟนคลับตามมาขอถ่ายรูปคู่กับน้อง เรียกว่าความดังของน้องสร้างปรากฎการณ์ห้างแตกมาแล้ว
ปัจจัยใดที่ทำให้มาสคอต การตลาดที่มีมานานแสนนานกลับมาแจ้งเกิดได้ผลดีในยุคนี้ ไปหาคำตอบพร้อมๆ กัน
สวัสดีเราชื่อ Butterbear น้องหมีเนย
ต้องบอกว่าผู้ที่ทำคลอดน้องหมีเนย คือ บูม-ธนวรรณ วงศ์เจริญรัตน์ กับ เบลล์-ธนาภา ปางพุฒิพงศ์ 2 ผู้ก่อตั้ง Butterbear ได้นำประสบการณ์ทำงานกับร้าน Coffee Beans by Dao ออกมาต่อยอด เมื่อต้องมาเปิดแบรนด์ขนมปัง Butterbear มาช่วยทำการตลาดจึงได้สร้างมาสคอตหมี ที่ตอนนี้หลายๆ คนคุ้นเคยในนาม “น้องหมีเนย”
สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า น้องหมีเนย ร้องเล่น เต้นได้
ใช่ว่าใครจะมาเป็นมาสคอตน้องหมีเนยก็ได้ เพราะทางแบรนด์ได้สร้างคาแรกเตอร์น้องหมีเนยไว้ว่าต้องมีความน่ารักสดใส เหมือนหญิงสาวคนหนึ่ง ที่แสดงออกผ่านการร้องเล่น เต้นได้ทุกเพลง โดยผลงานที่เรียกว่าเป็นการเดบิ้วต์เปิดตัวน้องหมีเนยคือ คลิปเต้นงานวันเด็กที่ศูนย์การค้า Emsphere เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ที่กลายเป็นไวรัล จากนั้นน้องหมีเนยโชว์สเตปแด๊นซ์ตามเพลงฮิตหรือที่แฟนคลับขอมาก็จัดให้ได้หมด
จุดที่ทำให้แฟนคลับติดใจน้องหมีเนยไม่ใช่แค่ลีลาการเต้นเท่านั้น แต่คงเป็นผลมาจากคาแรกเตอร์และอินเนอร์ข้างในข้องน้องหมีเนยที่เปรียบเหมือนคนทั่วไปมีอารมณ์ร่วมมีลูกอ้อน ลูกหยอด ล้อเล่นกับแฟนคลับเพิ่มความใกล้ชิดสนิทสนมเป็นกันเอง เรียกว่าเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ดีนั่นเอง
ไลฟ์สไตลดูดี อินเทรนด์ ไม่ตกยุค
นอกจากนี้ด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์การแต่งกายของน้องหมีเนยที่มีการปรับเปลี่ยนไปตามเทศกาลต่างๆ เช่น สวมชุดกี่เพ้าเข้ากับช่วงตรุษจีน ชุดไทยโจงกระเบน ที่มีพวงมาลัยดอกไม้หอยคอมาพร้อมกับปื้นฉีดน้ำคลายร้อนให้แฟนๆ ในช่วงสงกรานต์ หรือปีกนางฟ้ากับกิ๊ฟติดผมสีสายรุ้ง เพื่อต้อนรับเดือนแห่ง Pride Month ในช่วงเดือนมิถุนายน
สิ่งเหล่านี้หลายคนอาจจะดูเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อย แต่รายละเอียดเหล่านี้ทำให้แฟนคลับหรือคนที่เคยมาเจอน้องหมีเนยรู้สึกไม่จำเจ ใครที่เคยถ่ายรูปแล้วก็อยากถ่ายรูปคู่ใหม่กับชุดใหม่ๆ ที่เข้ากับเทศกาลสามารถไปลงโซเชียลได้อีกด้วยยิ่งเพิ่มกระแสความแรงให้น้องไปในตัว
จากน้องหมีสู่วิถีเซเลปคิวทอง
อาจเรียกได้ว่าเป็นการทำตลาดอย่างต่อเนื่องของแบรนด์ Butterbear ที่ไม่ปล่อยให้มาสคอตอย่างหมีเนยพลาดโอกาสทอง จึงต่อยอดเอาใจแฟนคลับด้วยการพาน้องหมีเนยไปโชว์ตัวที่ Emsphere ซึ่งเป็นสาขาที่จำหน่ายสินค้าเป็นประจำทุกวันเสาร์อาทิตย์ เพื่อให้แฟนคลับได้ใกล้ชิดได้ถ่ายรูปคู่ได้ฟรีไม่มีเงื่อนไขว่าจะต้องซื้อสินค้า
เท่านั้นยังไม่พอน้องหมีเนยยังมีผลงานเพลงของตัวเองออกมาถึง 2 ซิงเกิล ประเดิมด้วยเพลงเดบิวต์แสนสดใสอย่าง “It’s Butterbear!” ที่ Fearturing กับน้องฮิปโปม่วง (มาสคอตสุดดีดประจำร้านอีกหนึ่งตัว)รวมถึงเพลงล่าสุดอย่าง “น่ารักมั้ยไม่รู้”
ลองคิดภาพถ้าเพลงดังปังขึ้นมาอีกน้องหมีเนยคงมีคิวทัวร์คอนเสิร์ตหรืออาจจะมีกิจกรรมแฟนมี้ตต่อยอดไปได้อีก
สิ่งที่แบรนด์ได้รับจาก มาสคอตหมีเนย
ถ้าถามว่าการที่แบรนด์ลงทุนปั้นมาสคอตหมีเนยตัวนี้ขึ้นมา สิ่งที่แบรนด์ Butterbear จะได้กลับมาคืออะไรบ้างนั้นอาจแยกได้ประมาณนี้
1.ต้นทุนที่ไม่สูงนักเมื่อเทียบกับการจ้างอินฟลูเอ็นเซอร์ที่สามารถใช้ทำการตลาดได้เป็นครั้งคราว ในขณะที่มาสคอตสามารถทำการตลาดให้แบรนด์ได้ตลอดไป
2.สามารถต่อยอดน้องหมีเนยอออกเป็นสินค้า ให้เหล่าแฟนคลับได้ซื้อเป็นของสะสม เช่น กระเป๋า สมุด แก้ว เสื้อ จาน สติกเกอร์ ฯลฯ
3.สร้าง brand loyalty มาสคอตน้องหมีเนยนอกจากจะทำให้คนจดจำแบรนด์ได้ การมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้ายังช่วงสร้าง brand loyalty และความเชื่อมั่นที่ส่งผลดีต่อแบรนด์ในระยะยาว
นี่อาจเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการทำการตลาดที่อาจไม่ต้องแปลกใหม่หรือฉีกกรอบจากเดิมมากมาย แค่มุ่งมั่นใส่ใจในรายละเอียดที่ทำ สุดท้ายผู้บริโภคก็จะเป็นคนช่วยตัดสินใจว่าชอบหรือไม่
ที่มา : https://www.amarintv.com/spotlight/business-marketing/detail/65337
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4603843
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี