หากยังจำกันได้ช่วง 3 – 4 ปีก่อนหน้านี้ ในแวดวงธุรกิจเรามีการพูดถึง “Digital Disruption” กันค่อนข้างเยอะมาก แต่ก็ยังนึกภาพไม่ค่อยออกว่าจะออกมาในรูปแบบใด แต่หลังจากโควิด-19 เข้ามา ทุกอย่างก็ชัดเจนขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว ผู้บริโภค ธุรกิจ องค์กรต่างๆ หันมาพึ่งพาดิจิทัลกันมากขึ้น ตั้งแต่การใช้ชีวิตประจำวัน ไปจนถึงการทำงาน การติดต่อสื่อสาร ตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็เช่นการทำงานอยู่บ้าน หรือ Work From Home จนถึงปัจจุบันนี้ หลายบริษัทก็เริ่มนำมาปรับใช้เป็นแนวทางใหม่ขององค์กรไปแล้ว
ยังมีอีกหลายอย่างที่โควิด-19 ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตเรา สิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการธุรกิจต้องคิดต่อจากนี้ คือ เมื่อผ่านพ้นจากเหตุการณ์นี้ไปแล้ว พฤติกรรมใดของผู้บริโภคที่จะยังคงอยู่ และสามารถนำมาใช้ประโยชน์ทางธุรกิจได้ ลองมาฟัง ธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท YDM Thailand สรุปให้ฟังจากงานสัมมนา 10 Ways To Improve In Covid World ตอน : “ทันเทรนด์ Consumer ผู้กุมชะตาธุรกิจปี 2022”
9 พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปหลังโควิด-19
1. Digital is a Half of Life
ดิจิทัล คือ ครึ่งหนึ่งของชีวิต
- 4 - 5 ปีก่อน คนไทยใช้เวลาอยู่บนโทรทัศน์ 2 ชม.ต่อวัน บนอินเทอร์เน็ต 4 ชม.ต่อวัน
- แต่ปัจจุบันคนไทยใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ยวันละ 11 ชม. 25 นาที เกือบเท่าครึ่งหนึ่งของชีวิตประจำวัน สูงติดอันดับโลกโดยแบ่งเป็น
Facebook อันดับ 8 ของโลก
Youtube อันดับ 18 ของโลก
IG อันดับ 16 ของโลก
Twitter อันดับ 10 ของโลก
Facebook Messenger อันดับ 6 ของโลก
- 3 พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
- 1 ใน 3 คนไทยทำธุรกรรมออนไลน์เป็นเรื่องปกติ
- คนไทย 2 เปอร์เซ็นต์ เล่นเกมทุกวัน และ 83.9 เปอร์เซ็นต์ เล่นเกมทุกสัปดาห์
- 2 เปอร์เซ็นต์ของคนไทยใช้วิดีโอคอล และเริ่มหาหมอทางออนไลน์ 15.1 เปอร์เซ็นต์
2. Shopping Therapy
เมื่อการช้อปปิ้ง = การบำบัดความเครียด
- คนช้อปปิ้งตามอารมณ์มากขึ้น ไม่ใช่เพื่อการซื้อของที่จำเป็นอีกต่อไป เพราะความเครียดไม่ได้ออกไปไหน
- มูลค่าตลาดรวม E-Commerce ปี 2563 = 3,782,174.26 ล้านบาท ปี 2564 = 4,013,399.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 11 เปอร์เซ็นต์ แม้บางเซคชั่นจะลดลง
- ปี 2563 มูลค่า E-Commerce ของอุตสาหกรรมการค้าปลีกและการค้าส่ง เติบโตอย่างต่อเนื่อง จาก 1,319,825.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 1,434,663.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70 เปอร์เซ็นต์
ขณะที่มูลค่า E-Commerce ของอุตสาหกรรมที่พักลดลงกว่าครึ่ง จาก 1,010,742.69 ล้านบาท เหลือเพียง 463,784.88 ล้านบาท ลดลงกว่า 54.1 เปอร์เซ็นต์
- เกิดเทรนด์ “Entertainment Shopping” หรือช้อปปิ้งเพื่อบำบัดความเครียด ส่งผล Live Commerce เติบโตอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น พิมรี่พาย เป็นต้น
- ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ E-Commerce เติบโต คือ Data และ เทคโนโลยี เก็บข้อมูลพฤติกรรมผู้ใช้แต่ละคน และนำเสนอสินค้าที่มีแนวโน้มว่าจะสนใจ
3. Cashless Society
ไม่มีเงินสดไม่เป็นไร ขอให้มีมือถือเป็นพอ
- การสนับสนุนนโยบายความช่วยเหลือจากภาครัฐ และลดการใช้เงินสด อาทิ โครงการคนละครึ่ง และการสแกน QR Code เช็คอินตามสถานที่ต่างๆ 2 ปัจจัยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการร้านค้าและผู้บริโภคคุ้นชินกับการทำธุรกรรมผ่านออนไลน์มากขึ้น
- ร้านหาบเร่แผงลอยมีการสแกนจ่ายผ่านแอปพลิเคชั่นแทนการรับเพียงแค่เงินสดมากขึ้น
- ปัจจุบันไทยมีร้านติดตั้งเครื่องรูดบัตร = 9 แสนราย มีร้านที่รับชำระผ่าน QR Code = 7.2 ล้านราย รวมแล้ว คือ มีร้านกว่า 1 ล้านรายที่สามารถทำธุรกรรมออนไลน์ได้
4. Cleavage of Thinking
สงครามแตกแยกทางความคิด
- ทุกวัยกระโดดลงมาอยู่บนโซเชียลมากขึ้น ทำให้เกิดความคิดเห็นที่แตกต่าง ผู้ประกอบการต้องศึกษาพฤติกรรม ความชอบ ลักษณะโดดเด่นในวัยกลุ่มเป้าหมายของตนให้ดี
- เข้าใจความต่าง 4 เจเนอเรชั่น
- Gen B (เกิด 2489 - 2507) เป็นคนจริงจัง เคร่งครัดเรื่องขนบธรรมเนียมประเพณี เป็นเจ้าคนนายคน ทุ่มเทชีวิตให้การทำงาน มีความอดทนสูง ประหยัดอดออม
- Gen X (เกิด 2508 - 2522) ชอบอะไรง่ายๆ ไม่ต้องเป็นทางการ มีแนวคิดสร้างสมดุลในเรื่องงานและรบอครัว คือ ทำงานตามหน้าที่ ไม่บ้างาน ไม่ทุ่มเท ทำทุกอย่างได้เพียงลำพัง ไม่พึ่งพาใคร เป็นตัวของตัวเองสูง
- Gen Y (เกิด 2523 - 2540) ต้องการความชัดเจนในการทำงาน คาดหวังที่จะมีเงินเดือนสูงๆ คาดหวังคำชม แต่ไม่ทดทนต่องานที่ทำ ชอบเปลี่ยนงานอยู่บ่อยๆ
- Gen Z (เกิดหลัง 2540) เปิดกว้างทางความคิด วัฒนธรรมที่แตกต่าง ยอมรับความแตกต่าง ไม่แบ่งแยก แต่มีแนวโน้มเป็นมนุษย์หลายงาน เพราะอดทนต่ำ ต้องการคำอธิบายมากขึ้น ต้องมีเหตุผล ต้องรู้สึกว่าได้เข้าใจกับทุกเรื่องในชีวิต
- การเสพข้อมูลที่เยอะเกินไป ไม่ได้ทำให้เราเลือกได้ถูกต้องมากขึ้น แต่จะทำให้เราเลือกไม่ถูก จนเกิดพฤติกรรมเลือกเสพเฉพาะในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ
5. No Loyalty Anymore
ถ้าเธอไม่ดีพอ ฉันพร้อมเปลี่ยนใจ
- ตัวเลือกบนออนไลน์ที่เยอะขึ้น ส่งผลต่อความภักดีต่อแบรนด์ลดน้อยลง
- มีเพียง 3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เชื่อว่าโฆษณานั้นพูดความจริง
- ความเชื่อถือในการโฆษณาของแบรนด์ลดลงเหลือเพียง 24 เปอร์เซ็นต์ ในระยะเวลาเพียง 2 ปีที่โควิด-19 ระบาด
- ความเชื่อมั่นในแบรนด์ลดลง จาก 52 เปอร์เซ็นต์ เหลือเพียง 25 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
6. The Hybrid working
การทำงานผสมผสานทั้งออนไลน์-ออฟไลน์
- กว่า 70 เปอร์เซ็นต์ พนักงานส่วนใหญ่ต้องการทำงานแบบไฮบริด ผสมผสานระหว่างออนไลน์ (ที่บ้าน) และออฟไลน์ (ออฟฟิศ)
- แต่ละ Gen มีความต้องการทำงานแบบไฮบริดยังไงบ้าง?
Baby Boomers 66.7 เปอร์เซ็นต์
Gen X 63.2 เปอร์เซ็นต์
Millennials 79.9 เปอร์เซ็นต์
Gen Z 62.2 เปอร์เซ็นต์
**เหตุที่ Gen Z เปอร์เซ็นต์น้อยกว่าเพื่อนทั้งที่เป็นคนรุ่นใหม่ เนื่องจากเพราะจริงๆ แล้ว Gen Z ชอบการปฏิสัมพันธ์ค่อนข้างมาก เช่น ไปคาเฟ่ ถ่ายรูป
7. When home is everything
บ้านที่มากกว่าบ้าน เพราะบ้าน คือ ทุกสิ่ง
- ผลพลวงจากการอยู่บ้านยาวนาน ทำให้บ้านมีฟังก์ชั่นการใช้งานมากกว่าบ้าน
- สินค้าตกแต่งบ้านและกิจกรรมต่างๆ ในบ้านขายดีขึ้น เช่น ต้นไม้, เฟอร์นิเจอร์, เครื่องเล่นฟิตเนส, เครื่องครัว, โฮมเอนเตอร์เทนเมนต์
- Gadget ขายดีขึ้น เช่น กล้องถ่ายรูป อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ มือถือ และอื่นๆ ที่เกี่ยวกับทำงานขายดีขึ้น เพราะต้องทำงานอยู่บ้าน
- คอนเทนต์เกี่ยวกับการจัดบ้าน จัดพื้นที่ทำงานได้รับความสนใจมากขึ้น
8. Travelling in all I Need
เมื่อคนรอคอย อยากไปเที่ยวเต็มเหนี่ยว
- หลังสถานการณ์โควิด-19 ยุติลง ช่วงแรกคนน่าจะกลับมาท่องเที่ยวเยอะขึ้น และแรงมากกว่าเดิมเทียบเท่าระดับไฮซีซัน หลังจากนั้นจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
- การท่องเที่ยวที่ดีขึ้นกว่าเดิม คือ ท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อน แต่การอบรมสัมมนาอาจไม่กลับมาเหมือนเดิม เนื่องจากคนทำงานส่วนใหญ่ชินกับการใช้การสื่อสารผ่านออนไลน์ ผ่าน Video Conference กันมากขึ้น
- เริ่มต้นได้ลูกค้าจากนักท่องเที่ยวในประเทศก่อน
- กลุ่มมิลเลนเนียลมีโอกาสจะกลับมาเดินทางก่อนเป็นกลุ่มแรก
- การจองห้องพักผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์จะเยอะขึ้น
9. No Money, Need Promo
เงินทองนั้นหายาก กำลังซื้อตกต่ำลง
- ผู้บริโภคระดับกลาง หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจจะให้ความสนใจกับราคาและโปรโมชั่นมากขึ้น
- แต่หากเป็นผู้บริโภคที่มีกำลังการซื้อดีอยู่ สินค้าแบรนด์เนมกลับขายดีขึ้น เนื่องจากคนเก็บกดมานาน ไม่ได้ช้อปปิ้ง
- สินค้าจำเป็นจะซื้อด้วยเหตุผลเยอะขึ้น แต่ของไม่จำเป็นจะซื้อตามอารมณ์ ผู้ประกอบการควรเช็คให้ดีว่าสินค้าของตนนั้นเป็นประเภทไหน เพื่อหากลยุทธ์มัดใจผู้บริโภค
ขอเชิญผู้ประกอบการ SME ร่วม “สัมมนา ยกระดับ-ปรับกลยุทธ์-ฟื้นฟูธุรกิจ 10 Ways to improve your business“ กับ 10 กูรูมืออาชีพชั้นนำ โดยกองพัฒนาขีดความสามารถธุรกิจอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม อมรบฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย!!! ผ่านระบบ Zoom Meeting
สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.smethailandclub.com/10waystoimproveyourbusiness/
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 08-4555-0802
www.smethailandlcub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี