Main Idea
- องค์กรธุรกิจใช้วิธีการสั่งซื้อสินค้าจากซัพพลายเออร์ผ่านช่องทางออนไลน์กันมากขึ้น ทำให้อัตราการสั่งซื้อออนไลน์เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
- อย่างไรก็ตามการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย การพูดคุยแบบเห็นหน้า และบริการหลังการขาย ยังเป็นปัจจัยสำคัญต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าด้วย
ผลการศึกษาทิศทางการจัดซื้อสินค้าขององค์กรต่างๆ ในเอเชียแปซิฟิกปี 2662 (2019 UPS Industrial Buying Dynamics Asia Pacific study) โดยยูพีเอส พบว่า ฝ่ายจัดซื้อในธุรกิจต่างๆ ในเอเชียแปซิฟิกสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ในสัดส่วนที่สูงขึ้น ทั้งยังมีแผนจะใช้ช่องทางออนไลน์มากขึ้นใน 5 ปีข้างหน้าด้วย
เมื่อพิจารณาลึกลงไปในรายประเทศ ผู้ซื้อในญี่ปุ่นซื้อสินค้าออนไลน์ในสัดส่วน 31 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสูงกว่าผู้ซื้อในจีนและประเทศไทยที่มีสัดส่วนเท่ากันคือ 14 เปอร์เซ็นต์ ขณะเดียวกันในประเทศไทย บริษัทที่มีงบจัดซื้อสูงมีแนวโน้มจะหันไปซื้อสินค้าทางออนไลน์มากขึ้นในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า ส่วนในจีน การสั่งซื้อออนไลน์ผ่านโทรศัพท์มือถือมีอัตราการเติบโตสูงกว่าประเทศอื่นๆ ในเอเชีย
แม้ว่าผู้ซื้อในเอเชียมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าออนไลน์เพิ่มมากขึ้น การศึกษายังพบว่า การยกหูโทรศัพท์คุยหรือพบปะกับตัวแทนของผู้ขายสินค้าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยกว่าในสหรัฐอเมริกาหรือยุโรป ผู้ซื้อในเอเชียให้ความสำคัญกับการทำความรู้จักและสร้างความสัมพันธ์กับผู้ขายก่อนทำการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในจีน ที่การทำธุรกิจร่วมกันจำเป็นต้องสร้างความเชื่อมั่นต่อกันให้เกิดขึ้นก่อน
แนวโน้มการสั่งซื้อจากต่างประเทศมีมากขึ้น
ในด้านการเลือกซื้อสินค้าจากผู้จำหน่ายในประเทศ 67 เปอร์เซ็นต์ของการจัดซื้อภาคธุรกิจในเอเชียมาจากผู้จำหน่ายในประเทศ ขณะที่ในสหรัฐฯ อยู่ที่ 73 เปอร์เซ็นต์ และยุโรปอยู่ที่ 64 เปอร์เซ็นต์ แต่ประเทศที่เด่นชัดที่สุดคือญี่ปุ่น ซึ่งผู้ซื้อ 90 เปอร์เซ็นต์เลือกซื้อสินค้าจากแหล่งจำหน่ายในประเทศ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มในอนาคตอันใกล้อาจเปลี่ยนไป เนื่องจากญี่ปุ่นเพิ่งลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีหลายฉบับ โดยเฉพาะกับสหภาพยุโรป
สำหรับอุปสรรคในการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ ปัจจัยสำคัญ 3 ลำดับแรก คือ ระยะเวลาส่งสินค้าที่นานกว่า (60 เปอร์เซ็นต์) ความล่าช้าทางศุลกากร (55 เปอร์เซ็นต์) และความลำบากในการคืนสินค้า (45 เปอร์เซ็นต์)
บริการหลังการขายคือปัจจัยเสริมสร้างประสบการณ์ลูกค้า
บริการหลังการขายยังคงเป็นส่วนสำคัญสำหรับการจัดซื้อขององค์กร ในทุกประเภทของสินค้าและทุกภาคอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม การศึกษาพบว่าผู้ซื้อในเอเชียจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับบริการหลังการขายมากกว่าผู้ซื้อในภูมิภาคอื่นๆ ซึ่งบริการเหล่านี้ได้แก่ การรับคืนสินค้า บริการรับของถึงที่สำหรับสินค้าที่ยากต่อการขนส่ง รวมทั้งบริการบรรจุภัณฑ์สำเร็จรูป สำหรับการส่งคืนสินค้า ในจีนและญี่ปุ่น บริการหลังการขายที่สำคัญที่สุดคือการบำรุงรักษาและซ่อมแซมถึงที่ ส่วนในประเทศไทย การรับคืนสินค้าคือประเด็นสำคัญที่สุด
รัสเซล รี้ด กรรมการผู้จัดการ ยูพีเอส ประเทศไทย กล่าวว่า “การที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีส่งผลให้ประเทศไทยมุ่งสู่แนวทางเศรษฐกิจแห่งการสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเห็นได้จากการเปลี่ยนแปลงในภาคการผลิตของไทย การเติบโตของอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูงทำให้ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายจำเป็นต้องให้ความสำคัญมากขึ้นกับบริการที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจ การศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าผู้จัดซื้อไทยในภาคธุรกิจให้ความสำคัญมากกับการคืนสินค้า ซึ่งบริการดังกล่าวนับเป็นหนึ่งในหลายโซลูชั่นที่ยูพีเอสมีรองรับ เพื่อช่วยให้ลูกค้าสร้างจุดแข็งที่แตกต่างจากคู่แข่งได้ ข้อมูลเชิงลึกจากการศึกษายังช่วยให้เรามอบโซลูชั่นที่ครบวงจรและมีประสิทธิภาพสำหรับผู้ผลิตในประเทศไทยที่ต้องการแสวงหาโอกาสการเติบโตในตลาดภูมิภาคหรือตลาดโลกได้”
ผู้ค้าที่ต้องการทำธุรกิจในตลาดเอเชียจึงต้องหาจุดสมดุลจากแนวโน้มนี้ และจำเป็นต้องให้ความสำคัญทั้งกับช่องทางการค้าแบบอีคอมเมิร์ซและแบบดั้งเดิมให้ดำเนินการอย่างสอดประสานกัน ควบคู่ไปกับบริการหลังการขายที่ดี เช่น การรับคืนสินค้าด้วยขั้นตอนง่ายๆ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อให้กับผู้ซื้อได้
ที่มา : ยูพีเอส
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี