‘เฟซบุ๊ก สตอรี่’ ไม่ได้มาเล่นๆ ใช้ให้เป็นช่วยธุรกิจคุณได้!

Text : sir.nim





Main Idea

 
  • รู้ไหม ไม่เพียงแต่เป็นช่องทางการแชร์เรื่องราวต่างๆ ให้เราได้อย่างสนุกสนานเท่านั้น แต่ Facebook Stories ยังเป็นช่องทางการสื่อสารที่น่าสนใจระหว่างแบรนด์กับลูกค้าอีกด้วย
 
  • ตั้งแต่สัดส่วนพิเศษ 9 x 16 ทำให้สามารถโชว์รูปภาพได้เต็มหน้าจอสื่อเดียวในโซเซียล ณ ขณะนี้ จึงสามารถมองเห็นรายละเอียดสินค้าได้ชัดเจนมากขึ้น และด้วยเอกลักษณ์ที่อยู่ได้แค่เพียง 24 ชั่วโมงก็จะหายไป เราจึงสามารถลงเรื่องราวอะไรก็ได้ ไม่ต้องมีสาระจริงจังก็ได้ เพื่อสื่อสารกับลูกค้าได้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น   
 



 
              
     นอกจากจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางให้เราสามารถสื่อสารเรื่องราวของตัวเองได้โดยผ่านทางเฟซบุ๊กแล้ว
รู้ไหมว่าเฟซบุ๊ก สตอรี่ (Facebook Stories) ยังเป็นอีกหนึ่งช่องทางการลงโฆษณาที่กำลังมาแรงและน่าสนใจ เพราะจะทำให้คุณสามารถลงภาพและวิดีโอธุรกิจของคุณได้แบบเต็มหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ที่สำคัญมีรายงานจากเฟซบุ๊กด้วยว่าผู้เล่นทั่วโลกกำลังหันมาให้ความสนใจแชร์เรื่องราวของตัวเองผ่านสตอรี่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่หน้าฟีดปกติกลับลดลงไปทุกที
 


 
  • ทำไมลงโฆษณาบนสตอรี่ถึงน่าสนใจนัก
     
     ก่อนจะเล่าถึงความน่าสนใจของสตอรี่ เรามารู้จักที่มาของฟีเจอร์ตัวนี้กันก่อน ซึ่งเกิดมาจากการสังเกตของทาง เฟซบุ๊กเองว่าเพราะเหตุใดจำนวนผู้เล่นเฟซบุ๊กเมืองไทยซึ่งมีมากถึง 52 ล้านคน แต่กลับเล่นอินสตาแกรมเพียง 19 ล้านคนเท่านั้น แล้วส่วนต่างที่หายไปนั้นอยู่ที่ไหน ซึ่งจากการทำรีเสิร์ชข้อมูลทำให้พบว่าผู้เล่นส่วนใหญ่มีความคิดว่าอินสตาแกรม คือ การสร้างภาพขั้นสุดยอดสำหรับพวกเขา ดังนั้นจะเล่นก็ต่อเมื่อมีสิ่งที่น่าอวดจริงๆ ด้วยเหตุนี้เฟซบุ๊กจึงได้สร้างไอจี สตอรี่ ขึ้นมาก่อน เมื่อเห็นว่าประสบความสำเร็จจึงได้นำมาใช้กับในเฟซบุ๊กกลายเป็นเฟซบุ๊ก สตอรี่ขึ้นตามมา


     โดยเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนสตอรี่นั้น มีคุณสมบัติพิเศษ คือ จะอยู่ได้เพียง 24 ชั่วโมงเรื่องราวต่างๆ เหล่านั้นก็จะหายไป ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแชร์โมเมนต์หรือเหตุการณ์สั้นๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน โดยไม่ต้องการให้ค้างอยู่บนหน้าฟีดเฟซบุ๊ก ซึ่งจะแชร์กี่ชิ้นก็ได้ จะเป็นเรื่องราวไร้สาระอะไรก็ได้ ไม่ต้องกังวลว่าจะทำให้สูญเสียภาพลักษณ์หรือตัวตนที่แท้จริง เพราะเพียงไม่นานเรื่องราวเหล่านั้นก็จะถูกลบหายไป ด้วยเหตุผลนี้เองจึงทำให้เฟซบุ๊ก สตอรี่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เหล่าสาวกเฟซบุ๊กหลายคนหันมาแชร์เรื่องราวของตนบนสตอรี่มากกว่าที่จะแชร์บนหน้าฟีดเฟซบุ๊กแบบเดิมๆ และนี่เองจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมแบรนด์จึงควรหันมาลงโฆษณาในสตอรี่เพิ่มมากขึ้น ก็ในเมื่อลูกค้าของเราต่างหันมาอยู่บนสตอรี่กันมากขึ้นแล้ว แบรนด์เองจะไม่มาได้อย่างไร


     นอกจากเหตุผลดังกล่าวแล้ว ตัวสตอรี่เองก็มีคุณสมบัติน่าสนใจไม่น้อย ด้วยสัดส่วนที่ถูกกำหนดให้มีขนาด 9 x 16 จึงทำให้สามารถโชว์รูปภาพหรือวิดีโอที่สามารถโชว์ได้เต็มหน้าจอมือถือ ทำให้สามารถเห็นรายละเอียดสินค้าได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นด้วย
 


 
  • แบรนด์ใช้งาน ‘สตอรี่’ ยังไงดี
     รู้ถึงความน่าสนใจของสตอรี่กันไปแล้ว ลองมาดูกันสิว่าแบรนด์สามารถนำสตอรี่ไปใช้งานอะไรได้บ้าง


1.สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า

     ในเมื่อสตอรี่เป็นพื้นที่อิสระที่คุณจะสามารถลงเรื่องราวอะไรก็ได้ ไม่ต้องจริงจังซีเรียสก็สามารถลงได้ อาจเป็นแค่ประโยคทักทายในแต่ละวัน ดังนั้นจึงเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยให้แบรนด์สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ในลักษณะที่เป็นมิตรและเป็นกันเองมากขึ้น เพราะผู้บริโภคยุคใหม่มักชื่นชอบแบรนด์ที่จับต้องได้ง่าย มีตัวตน เหมือนเป็นเพื่อนกันมากกว่า


2. สร้างความน่าสนใจให้กับโฆษณา

     อย่างที่บอกไปว่าสตอรี่มีคุณสมบัติพิเศษ โดยเป็นช่องทางเดียว ณ วันนี้ที่จะทำให้คุณสามารถโฆษณาได้เต็มหน้าจอโทรศัพท์มือถือของใครสักคนหนึ่ง ดังนั้นการลงโฆษณาในสตอรี่จึงช่วยให้ลูกค้าสามารถมองเห็นรายละเอียดสินค้าของคุณได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น


3.สร้างการสื่อสารสั้นๆ ปูทางไปก่อน

     ด้วยอายุการใช้งานที่สั้นของสตอรี่ ดังนั้นจึงเหมาะที่จะช่วยให้คุณลงข่าวสารสั้นๆ หรือข่าวสร้างกระแส เพื่อปูทางเป็นน้ำจิ้มไปก่อนให้คนอยากรู้ได้ โดยจะสามารถลงกี่เรื่องต่อวันก็ได้ เพราะเพียงไม่นาน 24 ชั่วโมงเรื่องราวเหล่านั้นก็จะหายไปแล้ว ทำให้ไม่ต้องรกค้างอยู่บนหน้าฟีด สร้างความรำคาญให้กับลูกค้าได้
 
  • Trick (ไม่) ลับ

     โดยปกติถ้าเป็นการโชว์รูปภาพบนสตอรี่จะสามารถอยู่ได้ราว 5 วินาที แต่หากเป็นวิดีโอจะเพิ่มขึ้นเป็น 15 วินาที ฉะนั้นถ้าอยากได้เวลาเพิ่มมากขึ้น แม้จะเป็นภาพนิ่งแต่ลองเอามานำเสนอในรูปแบบวิดีโอก็จะได้เวลาเพิ่มขึ้นนั่นเอง






www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

เช็คเลย! ธุรกิจรุ่ง-ร่วง 2568 จะไปต่อหรือพอแค่นี้ดี

ส่งท้ายปี 2567 ด้วยการอัพเดตเทรนด์ผู้บริโภคที่ธุรกิจจะต้องปรับตัวตาม ในปี 2568 พร้อมเช็คกันว่าธุรกิจไหนจะรุ่ง-ร่วง เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกัน

ถอดวิธีคิดญี่ปุ่น 5 เคล็ดลับออกแบบสินค้าที่ครองใจคนทั่วโลก

เคยสงสัยไหมว่าทำไมสินค้าจากญี่ปุ่นถึงได้รับความนิยมไปทั่วโลก? ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์, แกดเจ็ต, นั่นเพราะสินค้าจากแดนปลาดิบมักจะโดดเด่นด้วยดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง และฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด

เจาะลึกเทรนด์ร้านอาหารและเครื่องดื่มปี 2568 ที่ธุรกิจต้องรู้

 ในปี 2568 ยังคงเป็นสนามแข่งขันที่ดุเดือด ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกแนวโน้มสำคัญๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในวงการอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อเป็นแนวทางในการวางแผนธุรกิจและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน