10 สัญญาณ การใช้โซเชียลมีเดียผิดวิธี

 




แปลและเรียบเรียง : เจษฎา ปุรินทวรกุล

    ความจริงการใช้โซเชียลมีเดียกับธุรกิจนั้นมีมานานแล้ว แต่มีคนไม่มากนักที่จะทราบว่าควรใช้อย่างไรให้เหมาะสมต่อการทำธุรกิจ ซึ่ง Eric Siu ซีอีโอ (CEO) จากบริษัทการตลาดดิจิตอลที่มีชื่อว่า Single Grain เมืองซานฟรานซิสโก ได้ออกมาเปิดเผย 10 สัญญาณ ที่บ่งชี้ว่าคุณกำลังใช้โซเชียลมีเดียแบบผิดวิธี

1. ไม่มีเรื่องราวอัพเดทใหม่ๆ

    สิ่งที่ทำให้คุณพลาดแบบสุดๆ เลยก็คือ ไม่มีการกำหนดเวลาการอัพเดทเรื่องราวต่างๆ ที่ชัดเจน เพราะผู้ติดตามทางโซเชียลมีเดียบางคนเห็นโปรไฟล์เงียบเกิน 2-3 วัน พวกเขาก็มีโอกาสเลิกสนใจสิ่งที่คุณจะสื่อสารกับเขาได้ ซึ่งผู้ประกอบการในโซเชียลมีเดียบางคนปล่อยทิ้งโปรไฟล์ทิ้งร้างไว้เป็นสัปดาห์ถึงจะโพสต์ข้อความครั้งหนึ่งก็มี แต่การโพสต์ข้อความบ่อยๆ วันละ 5-6 ครั้งก็ดูจะเป็นการรบกวนผู้ติดตามของเรามากเกินไป จึงควรสื่อสารอย่างพอดี

2. คุณไร้ Followers

    แม้ว่าจำนวนผู้ติดตาม (Followers) จะไม่ได้เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของการใช้โซเชียลมีเดีย แต่ถ้าจำนวนผู้ติดตามไม่มีการเติบโต คุณคงต้องไปประเมินผลการตลาดดูใหม่แล้วว่า ผิดพลาดตรงไหน หรือลองสื่อสารสิ่งที่จะช่วยสร้างความแปลกใหม่เข้าไปเพื่อให้กลุ่มคนหลายๆ กลุ่มได้ทำความรู้จักกับคุณมากขึ้น 

3. คุณพูดอยู่ฝ่ายเดียว

    มันอาจฟังดูโบราณไปนิด แต่โซเชียลมีเดียนั้นเน้นไปที่การสนทนา การสนทนาจะสมบูรณ์ได้ต้องมีผู้พูดและผู้รับ หรืออีกนัยคือผู้ส่งสารและผู้รับสาร ดังนั้น ถ้าคุณส่งสารเพียงอย่างเดียวโดยไม่มองอะไรเลย กำหนดเวลาแล้วส่งข้อมูล คุยอยู่ฝ่ายเดียวตลอด มันก็เหมือนกับการส่งข้อความไปสู่ห้วงอวกาศนั่นแหละ แถมยังพลาดโอกาสเรียนรู้ตลาด เรียนรู้การใช้งานโซเชียลมีเดียอย่างแท้จริงอีกด้วย 

4. เน้นขายของมากเกินไป  

    หัวข้อที่คุณแชร์ผ่านโลกโซเชียลมีเดีย ควรเป็นเพียงการให้ข้อมูล ความบันเทิง หรือการสนทนา หากเปลี่ยนหัวข้อเหล่านั้นเป็นสมรภูมิทางการค้า ก็มั่นใจได้เลยว่าเหล่าผู้ติดตามของคุณพร้อมที่จะเขี่ยคุณออกไปจากโปรไฟล์ของเขาทันที แต่ถ้าถามว่าใช้ขายของบ้างไม่ได้เลยเชียวหรือ ก็ต้องตอบว่าได้ แต่ไม่ควรมากเกินไป และควรเน้นไปที่โปรโมชั่นและข้อความทางการตลาดเล็กๆ น้อยๆ มากกว่า ไม่ใช่การใช้ Hard Sale ขาย ขาย และขายเพียงอย่างเดียว เพราะมันจะทำให้โซเชียลมีเดียของคุณขาดความน่าสนใจไปในทันที

5. คุณโพสต์การอัปเดทอัตโนมัติในทุกโซเชียลมีเดีย

    ต้องทำความเข้าใจด้วยว่าเนื้อหาต่างๆ ที่แสดงบนโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ค (Facebook) ทวิตเตอร์ (Twitter) พินเทอเรสต์ (Pinterest) กูเกิ้ลพลัส (Google+) ฯลฯ ล้วนมีความแตกต่างกัน รูปแบบและวิธีการส่งสารไปถึงผู้รับย่อมแตกต่างกันไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น เฟซบุ๊คเหมาะกับการสื่อสารทั่วไปพร้อมภาพประกอบ ทวิตเตอร์เป็นข้อความสั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความ ขณะที่พินเทอเรสต์เน้นใช้ภาพเป็นจุดดึงดูด เป็นต้น ดังนั้น ถ้าคุณใช้การโพสต์อัตโนมัติด้วยข้อความแบบเดียวๆ กันในทุกโซเชียลมีเดีย หมายความว่าคุณกำลังพลาดโอกาสที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้ติดตามในแต่ละช่องทาง

       **พินเทอเรสต์ (Pinterest) เป็นโซเชียลมีเดียที่มาแรงชนิดไฟไม่มีตก โดยใช้รูปแบบการส่งต่อบุ๊คมาร์คหรือที่เรียกกันว่า “รีพิน (repin)” คือ การนำบุ๊คมาร์คที่แสดงรูปภาพอันสวยงามของคนอื่นมาปักหมุดไว้ในโปรไฟล์ของตัวเอง นักการตลาดจึงใช้ช่องทางนี้สร้างความเคลื่อนไหว แลกเปลี่ยนและแบ่งปันข้อมูลผ่านทางพินเทอเรสต์ได้ไม่ยาก 

6. คุณไม่ได้กำหนดแนวทางการสร้างแบรนด์

    ส่วนหนึ่งในการสร้างแบรนด์ที่ดี คือ การสร้างแนวทางหรือกำหนดวิธีควบคุมคุณภาพ ตลอดจนภาพลักษณ์ของบริษัทต่อสาธารณะชน ซึ่งโซเชียลมีเดียเองก็ไม่มีข้อยกเว้น ทั้งนี้ แนวทางการควบคุมคุณภาพของโซเชียลมีเดีย อย่างน้อยควรระบุได้ว่า ใครเป็นผู้รับผิดชอบในการอัพเดทโซเชียลมีเดีย ความบ่อยในการอัพเดท การกำหนดเนื้อหาที่จะโพสต์ ภาพประกอบนำมาจากที่ใด เป็นต้น.

7. คุณโพสอะไรไปเรื่อยเปื่อยหรือเปล่า 

    การตลาดของโซเชียลมีเดียก็คล้ายกับการกระเพื่อมของวงน้ำ หมายความว่าต้องมีกิจกรรมและการเคลื่อนไหวอยู่เสมอ ดังนั้น บริษัทที่ใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดียได้คุ้มค่าที่สุดย่อมต้องพัฒนากลยุทธ์ได้อย่างครอบคลุม เพื่อสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้ติดตามอยู่ตลอดเวลา ถ้าธุรกิจของคุณยังไม่สามารถจับกระแสความสนใจของผู้ติดตามได้ ควรต้องให้เวลากับเรื่องนี้เพื่อตั้งเป้าหมายในการโพสต์สิ่งที่มีคุณค่าในแต่ละครั้งให้ได้   

8. คุณไม่สนใจหรือลบข้อความเชิงลบทิ้ง

    การทำธุรกิจย่อมมีทั้งคำชื่นชมและคำตำหนิ แต่การลบคำต่อว่าหรือทำเป็นละเลยไม่สนใจเหมือนว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ หากแต่ควรตอบกลับด้วยคำขอโทษที่จริงใจ พร้อมกับอธิบายถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ความผิดพลาดนั้นๆ สามารถชดเชยได้ด้วยอะไรบ้าง และสุดท้ายต้องยืนยันว่าปัญหานั้นๆ จะไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งคุณต้องพร้อมทำได้จริงด้วย

9. คุณตอบสนองต่อลูกค้าช้าเกินไป

    จากผลการสำรวจที่จัดทำโดยเว็บไซต์ http://socialhabit.com พบว่า 32 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามซึ่งติดต่อธุรกิจผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย คาดหวังว่าจะมีการตอบข้อความกลับภายใน 30 นาที ขณะที่บางคนไม่ได้คาดหวังเรื่องเวลา เพียงแต่ขอให้ติดต่อกลับทันทีที่ทำได้แม้ว่าจะอยู่นอกเวลางานแล้วก็ตาม

     จำไว้เสมอเลยว่า เมื่อลูกค้าถามคำถาม คุณต้องตอบให้รวดเร็ว ตรงประเด็น แต่ถ้าหากการตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าทำได้ยากหรือมีความซับซ้อนจนเกินไป ลองใช้เครื่องมือ Hootsuite (ฟรี) หรือ Sprout Social (เริ่มต้นเดือนละ 39 ดอลลาร์สหรัฐฯ) เพื่อลดความซับซ้อนของกระบวนการ  

10. คุณยังไม่ได้ติดตามผลตอบแทนการลงทุน

    ธุรกิจของคุณจำเป็นต้องได้รับสิ่งมีค่าที่จับต้องได้เป็นผลตอบแทน ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องเงิน อาจเป็นเรื่องยอดผู้ติดตาม หรือคำติชมในแง่มุมต่างๆ ที่คุณสามารถนำไปปรับปรุงธุรกิจได้ และไม่ว่าผลลัพธ์ที่คุณคาดหวังจากการใช้โซเชียลมีเดียจะเป็นอย่างไร เชื่อเถอะว่า มันย่อมมีวิธีการติดตามและค้นหาผลลัพธ์เหล่านั้นออกมาอย่างแน่นอน 

Create by smethailandclub.com




 

RECCOMMEND: MARKETING

ฟังก์ชันแยกบิลจ่ายได้ เทรนด์ใหม่ที่ร้านอาหารต้องรู้ ลูกค้ายุคใหม่อยากจ่ายเท่าที่กินโดยไม่รู้สึกผิด

ไม่ใช่เรื่องต้องรู้สึกผิดอีกต่อไป หากไปกินอาหารกับเพื่อน แล้วอยากแยกรับผิดชอบจ่ายเฉพาะในส่วนที่ตัวเองสั่ง เทรนด์พฤติกรรมใหม่ของผู้บริโภคชาวอเมริกาที่หันมาใช้แอปพลิเคชันแยกจ่ายบิลกันมากขึ้น

ต่อยอดธุรกิจยังไงให้อยู่นานและขายดี กรณีศึกษา ALDI ซูเปอร์มาร์เก็ต ที่ถือกำเนิดมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2

ALDI คือ ซูเปอร์มาร์เก็ตสัญญาติเยอรมัน มีต้นกำเนิดมาจาก 2 พี่น้องตระกูล Albrecht คือ “คาร์ล และ ธีโอ อัลเบรชต์” ที่รับช่วงต่อกิจการมาจากแม่ของเขาที่เปิดร้านขายของชำตั้งแต่ยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2