Photo: จกโต๊ะเดียว, หุบเขาคนโฉด, อันจะกินวิลล่า, ข้าว
เดี๋ยวนี้มีร้านอาหารเกิดขึ้นใหม่มากมาย บางร้านก็มาไวไปไว บางร้านก็อยู่ยาว ส่วนใหญ่แล้วจุดมุ่งหมายของการทำร้านอาหารคือการที่มีลูกค้าติดใจกลับมากินซ้ำๆ ยิ่งถ้ามีลูกค้าเยอะในแต่ละวันคงทำให้เจ้าของร้านชื่อใจไม่น้อย คงไม่มีร้านไหนที่อยากให้มีลูกค้าเข้ามาแค่โต๊ะเดียวหรอกใช่มั้ย
ยกเว้น 4 ร้านนี้ ที่พวกเข้ามีจุดยืนชัดเจนที่เจ๋งเว่อคือการรับลูกค้าแค่วันละโต๊ะเท่านั้น! บางร้านอาจจะเปิดรับ 2 -3 รอบ แต่ก็ยังคงคอนเซ็ปต์แค่โต๊ะเดียว จุดเด่นของพวกเขาคือการขายประสบการณ์แบบใกล้ชิดให้กับลูกค้า ทำให้ลูกค้ารู้สึกเป็นคนพิเศษ ได้รับประทานอาหารอร่อยๆ ไม่เหมือนใครแถมยังยากกว่าจะได้มากิน เพราะบางร้านต้องจองคิวกันข้ามเดือนเลยทีเดียว ด้วยความยาก ท้าทายและลึกลับแบบนี้ กลับกลายเป็นว่ามีลูกค้ามากมายที่ยอมขับรถไกลแสนไกลเพื่อไปกิน ยอมต่อคิวรอข้ามเดือนหรือแม้แต่ยอมจ่ายเงินครึ่งหมื่นเพื่อมื้อนี้ ถ้าเป็นคุณล่ะ จะอยากไปลองไหม?
1. จกโต๊ะเดียว
จกโต๊ะเดียว ร้านอาหารสไตล์ Chef’s table แบบจีนที่ให้คุณได้ลิ้มรสอาหารจีนสูตรเด็ดจากเชฟจก เจ้าของร้าน ที่แต่ก่อนรับแค่โต๊ะเดียว แต่ตอนนี้รับเพิ่มเป็น 4 โต๊ะแล้ว ด้วยความดังของร้านที่เคยติดอันดับ 1 ใน 100 ร้านที่อร่อยที่สุดในโลกจากการจัดอันดับของ Newsweek นิตยสารชื่อดังของอเมริกา ทำให้มีลูกค้าโทรมาจองคิวอยากลองเข้ามาเป็นลูกค้าเชฟจกจำนวนมาก
โดยที่นี่มีข้อแม้ข้อเดียวคือ จองแล้วห้ามเบี้ยว! เพราะเขาไม่ได้รับคนเยอะ ถ้าจองแล้วคุณคือลูกค้าคนสำคัญ สำหรับอาหารก็จะเป็นอาหารจีนที่เมนูจะสลับสับเปลี่ยนไป ไฮไลท์คือปูนึ่ง นอจากนี้ยังมีเมนูปลาหิมะ หอยเป๋าฮื้อ ถ้าหากอยากกินหูฉลามอาจจะต้องแจ้งก่อนและราคาก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน แต่รับรองว่าอาหารทุกเมนูอร่อย ถูกปากคนรักอาหารจีนแน่นอน แถมยังจะได้ประสบการณ์กินอาหารจีนที่ไม่เหมือนที่ไหนอีกด้วย
พิกัด: 23 ตรอกอิสรานุภาพ ถนนพลับพลาไชย เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร
เบอร์: 02-221-4075
2. หุบเขาคนโฉด
อีกหนึ่งร้านสุดลึกลับในย่านแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ที่ไม่ใช่ใครๆ จะไปก็ได้เพราะที่นี่เขารับลูกค้าแบบจำกัดจำนวนแค่ 1 – 2 โต๊ะ ไม่เกิน 20 คนต่อมื้อเท่านั้น โดยรับ 2 มื้อคือมื้อเที่ยงและมื้อเย็น ที่สำคัญต้องโทรจองก่อน ถ้า Walk in ไปดื้อๆ อาจจะต้องเลี้ยวรถกลับโดยไม่ได้กิน แถมทางไปยังค่อนข้างลึกลับ ต้องเดินเท้าต่อเข้าไปในร้านด้วย คล้ายกับเป็นการเลือกลูกค้าที่ตั้งใจมารับประสบการณ์สุดพิเศษของทางร้านจริงๆ
สำหรับที่นี่แค่การตกแต่งก็ไม่ธรรมดาเพราะเต็มไปด้วยความคลาสสิกของงานศิลปะโบราณ มีดอกไม้ประดับประดาเต็มไปหมดทั้งร้านแถมยังสดชื่นด้วยความเขียวชอุ่มของต้นไม้ที่ปกคลุม อาหารที่นี่จะเป็นสไตล์ Chef’s Table แต่ละจานถูกทำด้วยความประณีต ละเมียดละไม เสิร์ฟเป็นคอร์ส เช่น ยำส้มโอโบราณในกลีบบัวหลวง หอยจ้อ ส่วนเมนูเด็ดของที่นี่คือ น้อยใจยา เป็นเมนูที่ประกอบด้วยผักและดอกไม้นานาพันธ์ มีสตอรี่มาจากเพลงน้อยใจยา มาทานอาหารที่นี่แค่ดูการจัดจานและฟังเรื่องราว ที่มาที่ไปก็คุ้มแล้ว
พิกัด: อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
เบอร์: 06-274-1656
3. อันจะกินวิลล่า
อันจะกินวิลล่า อีกหนึ่งร้านอาหารในบ้านที่จะมอบประสบการณ์การทานอาหารที่แสนอบอุ่นให้คุณเหมือนได้มานั่งทานข้าวอยู่บ้านเพื่อน ที่นี่รับแค่วันละโต๊ะ จำนวน 4 – 10 คน คนละ 850 บาท โดยพี่ก้อย เจ้าของร้านจะเป็นคนลงมือทำอาหารเอง เสิร์ฟเอง พร้อมมาพูดคุยกับลูกค้าอย่างใกล้ชิดทำให้มื้ออาหารอบอวลไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะ
ส่วนอาหารของที่นี่จะเสิร์ฟเป็นคอร์ส เน้นอาหารฝรั่ง เช่น ซุป สลัด อาหารจานหลักจะเป็นปลา ไก่หรือหมู มีเนื้อและเนื้อแพะด้วย แต่อาจจะต้องเพิ่มเงินสักนิด หากอยากทานอาหารไทยก็สามารถบอกพี่ก้อยได้เช่นกัน
พิกัด: อันจะกินวิลล่า ตำบลหนองควาย อำเภอหางดง เชียงใหม่
เบอร์: 090-561-4296
4. ร้าน “ข้าว”
มาถึงร้านสุดท้ายกับร้าน ‘ข้าว’ ของเชฟวิชิต มุกุระที่เคยเป็นเชฟอยู่โรงแรม Mandarin Oriental กว่า 28 ปี โดยร้านข้าวเป็นร้านอาหารที่มีความหลากหลายของเมนูแต่เน้นวัตถุดิบที่เต็มไปด้วยคุณภาพส่งตรงมาจากหลายที่หลายประเทศเลยทีเดียว อีกหนึ่งความ ‘ว้าว’ คือหน้าตาอาหารของที่นี่ที่ถูกปรุงต่อหน้าลูกค้าสไตล์ Chef’s Table ที่ให้ลูกค้าได้ดูกันแบบเพลินๆ ก่อนที่จะเสิร์ฟแบบเป็นคอร์ส ที่มีทั้งเมนูอาหารญี่ปุ่น อาหารไทย อาหารฝรั่ง ซึ่งแต่ละจานมีรสชาติอร่อยถูกปากคนไทยอย่างแน่นอน
ส่วนเรื่องของราคาจะเริ่มต้นที่หัวละ 4,990++ บาท รับละ 2 รอบคือรอบเที่ยงและรอบค่ำ รอบละไม่เกิน 12 คน หากใครอยากลองสัมผัสประสบการณ์ทานอาหารแบบใหม่ที่ให้คุณได้รู้สึกเหมือนเป็นลูกค้าคนพิเศษ ก็มาลองได้เลยที่ร้าน ‘ข้าว’ แห่งนี้
พิกัด: 64 สุขุมวิท 51 กรุงเทพมหานคร
เบอร์: 098-829-8878
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
