Text : กองบรรณาธิการ
แม้หลายๆ ปัจจัยจะชี้ให้เห็นถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน แต่จากผลการสำรวจ Chinese International Travel Monitor (CITM) ในปีนี้กลับพบว่าชาวจีนในทุกช่วงวัยมีการใช้จ่ายเงินเพื่อการท่องเที่ยวสูงขึ้น โดยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ชาวจีนได้ใช้จ่ายเงินเพื่อการท่องเที่ยวโดยเฉลี่ยสูงถึง 3,600 เหรียญสหรัฐ หรือราว 120,000 บาทต่อคน ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าหนึ่งในสี่ของรายได้ และเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 24% นอกจากนั้น นักท่องเที่ยวจีนยังใช้เงินโดยเฉลี่ยสูงถึง 28% ของรายได้เพื่อการเดินทางท่องเที่ยวไปยังต่างแดน โดยมีชาวจีนรุ่นมิลเลนเนียลที่เกิดในช่วงทศวรรษ 1990 เป็นกลุ่มที่ใช้จ่ายเงินเพื่อการท่องเที่ยวในปีที่ผ่านมามากที่สุด คิดเป็นจำนวนเงินสูงถึง 35% ของรายได้
ทั้งนี้ Hotels.com™ ระบุว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนต่างเทใจเลือกให้ประเทศไทยเป็นสุดยอดแห่งดินแดนที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีนดีที่สุด แซงหน้าญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และฮ่องกง แต่ทั้งนี้ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยจำเป็นต้องตระหนักถึงลักษณะของกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน “รุ่นใหม่” ที่มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งมีความต้องการและความชื่นชอบในรูปแบบการท่องเที่ยวที่แตกต่างไปจากเดิม
เน้นรายละเอียดและวางแผนเที่ยวมากขึ้น
นักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่ในทุกช่วงวัยเดินทางบ่อยขึ้น และยาวนานขึ้น จำนวนครั้งโดยเฉลี่ยของการท่องเที่ยวต่อปีได้เพิ่มขึ้นจาก 3 ครั้ง เป็น 4 ครั้ง และจำนวนวันต่อการท่องเที่ยวหนึ่งครั้งเพิ่มขึ้นจาก 5 วันในปีที่แล้ว มาเป็น 7 วัน นักท่องเที่ยวจีนยังใช้โอกาสในการท่องเที่ยวแต่ละครั้งเพื่อเยือนเมืองหลาย ๆ แห่ง โดยกว่า 80 % กล่าวว่าพวกเขาจะไม่พักอยู่แค่เมืองใดเมืองหนึ่งเท่านั้น
การใช้จ่ายเงินเฉลี่ยต่อวันในระหว่างการท่องเที่ยวก็เพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้นจากปี 2559 ถึง 8% และกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ การรับประทานอาหาร การเยี่ยมชมทิวทัศน์ และกิจกรรมผักผ่อนหย่อนใจต่าง ๆ ในขณะเดียวกัน การช้อปปิ้งกลับลดฮวบจากปีที่แล้วถึง 35% เป็นการชี้ให้เห็นว่านักท่องเที่ยวจีนมีรูปแบบความชื่นชอบที่หลากหลาย และมีความรอบรู้ในเรื่องการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น
“สบายๆ ง่ายๆ” ดูเหมือนจะเป็นรูปแบบการท่องเที่ยวที่ชาวจีนชื่นชอบ ทั้งนี้ CITM คาดว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนจะทำการจองการเดินทางผ่านระบบกรุ๊ปทัวร์ลดลงเรื่อย ๆ ในอนาคต เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่จะใช้เวลาในการหาข้อมูลออนไลน์มากขึ้น (ใช้เวลาประมาณ 12 วัน) และมักจะเริ่มวางแผนล่วงหน้าก่อนการเดินทางนานถึง 1 – 2 เดือน วิธีการสำรองที่พักที่ได้รับความนิยมสูงสุด และมีการใช้งานกันอย่างล้นหลาม คือการใช้แอพพลิเคชั่นบนมือถือ โดยผู้ตอบแบบสำรวจจำนวนสูงถึงร้อยละ 46 ได้ทำการสำรองที่พักผ่านมือถือในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยอีกร้อยละ 17 ใช้วิธีการจองผ่านเว็บไซต์บนคอมพิวเตอร์ ซึ่งถือเป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมในอันดับที่สอง
ที่น่าสนใจก็คือ กลุ่มนักท่องเที่ยวสูงวัย หรือกลุ่มที่มีอายุระหว่าง 60 – 69 ปี และ 70 - 79 ปี ระบุว่าพวกเขาต้องการที่จะท่องเที่ยวแบบแบ็กแพ็กในอนาคต ซึ่งกลุ่มนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 15% และ 21% ตามลำดับ
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการโรงแรมในไทยพบว่าในปีที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตนเองมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นถึง 68%
สิ่งที่ผู้ประกอบการโรงแรมไทยให้ VS ความคาดหวังของนักท่องเที่ยวจีน
รายงานผลการสำรวจระบุว่าโรงแรมทั้งหลายต่างมุ่งความสนใจไปที่การจัดทำโปรแกรมทางการตลาดและสื่อสังคมออนไลน์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีน และผลจากการเพิ่มค่าใช้จ่ายทางด้านการตลาดนี้เอง จึงทำให้โรงแรมทั้งหลายกล่าวว่าการลงทุนในเรื่องบริการสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนนั้นลดลง รายงานนี้เผยให้เห็นถึงช่องว่างอย่างเด่นชัดระหว่างสิ่งที่โรงแรมนำเสนอเมื่อเทียบกับสิ่งที่ลูกค้าชาวจีนต้องการ
• วิธีการชำระเงินของชาวจีนที่โรงแรม อาทิ การจ่ายด้วยบัตรยูเนียนเพย์ (UnionPay) ซึ่งผู้บริโภคได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้สูงเป็นอันดับที่สอง แต่ในสายตาของผู้ประกอบการโรงแรมในไทยมองว่าเงินสดยังคงเป็นวิธีการชำระเงินที่ได้รับความนิยมสูงสุด (35%) ตามมาด้วยการจ่ายด้วยบัตรยูเนียนเพย์ (29%) ทั้งนี้ ประเทศไทยยังคงเป็นหนึ่งในประเทศลำดับต้นๆ ที่นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมจับจ่ายด้วยบัตรยูเนียนเพย์
•พนักงานโรงแรมที่พูดภาษาจีนกลางได้ สิ่งนี้เป็นหนึ่งในคำร้องขอลำดับต้น ๆ ของลูกค้าชาวจีน แต่เป็นเรื่องที่บรรดาผู้ประกอบการโรงแรมไม่ค่อยให้ความสำคัญ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ ผู้ประกอบการโรงแรมในไทยมีแผนที่จะยกระดับบริการให้ลูกค้าชาวจีนโดย 35% จะพุ่งความสำคัญไปที่โปรแกรมทางการตลาดเฉพาะกลุ่ม และ 38% มีแผนที่จะขยายสื่อสังคมของตนให้ครอบคลุมและเข้าถึงมากยิ่งขึ้น ในขณะที่มีเพียง 24% เท่านั้นที่มีแผนจะเพิ่มพนักงานหน้างานที่พูดภาษาจีนกลางได้
•ผลสำรวจนี้แสดงให้เห็นว่า ภัตตาคาร หรือร้านอาหารจีนในโรงแรม ร้านค้าในโรงแรม และรูมเซอร์วิส เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวจีนรุ่นมิลเลนเนียลใช้จ่ายเงินมากที่สุดในอันดับที่หนึ่ง สอง และสาม ตามลำดับ แต่ผู้ประกอบการโรงแรมในไทยกลับระบุว่าบริการสปาของโรงแรมเป็นสิ่งที่ลูกค้าชาวจีนใช้จ่ายเงินมากที่สุด และมากกว่าลูกค้าจากประเทศอื่น ๆ
โดยรวมแล้ว ห้าข้อหลักที่นักท่องเที่ยวชาวจีนต้องการให้ผู้ประกอบการโรงแรมไทยพัฒนาเพิ่ม ได้แก่
1. พนักงานโรงแรมที่พูดภาษาจีนกลางได้
2. การรองรับวิธีชำระเงินของชาวจีน
3. บริการรถรับส่งในพื้นที่
4. มัคคุเทศก์ภาษาจีนกลาง
5. ภัตตาคารหรือร้านอาหารจีนในโรงแรม
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
RECCOMMEND: MARKETING
เคยสงสัยไหมว่าทำไมสินค้าจากญี่ปุ่นถึงได้รับความนิยมไปทั่วโลก? ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์, แกดเจ็ต, นั่นเพราะสินค้าจากแดนปลาดิบมักจะโดดเด่นด้วยดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง และฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด
ในปี 2568 ยังคงเป็นสนามแข่งขันที่ดุเดือด ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกแนวโน้มสำคัญๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในวงการอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อเป็นแนวทางในการวางแผนธุรกิจและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
การก้าวเข้าสู่โลกของ Modern Trade นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย วันนี้ SME Thailand จะพาคุณไปล้วงเคล็ดลับจากวงในมาเปิดเผยแบบหมดเปลือกกัน