เพิ่มพลังธุรกิจ ปิดจุดบอด-สร้างจุดแข็ง ด้วยเทคนิค “ปลาดาวรำลึก”

TEXT : วันวิสา งามแสงชัยกิจ

Main Idea

  • บอกได้ไหมว่าตอนนี้ธุรกิจของคุณมีสภาพเป็นอย่างไร? อะไรที่ทำแล้วปัง ควรไปต่อ? หรืออะไรที่ควรพอและหยุดเพียงแค่นี้?

 

  • ถ้ายังไม่รู้ว่าจะประเมินและทำให้เห็นภาพได้อย่างไร ลองใช้ “Starfish Retrospective” หรือ “ปลาดาวรำลึก” เทคนิคบริหารจัดการธุรกิจด้วยการพินิจย้อนหลังถึงสิ่งต่างๆ ที่เคยทำมา

 

  • ด้วย “แฉกทั้ง 5 แห่งปลาดาว” จะช่วยหาให้เจอว่า อะไรคือจุดบอด และอะไรคือสิ่งที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจได้

 

     หลายครั้งที่ทำธุรกิจไปสักพัก รวมถึงโปรเจกต์หรือแคมเปญอะไรสักอย่างแล้วมักรู้สึกตื้อๆ มองปัญหาที่มีไม่เห็น หรือจะเพิ่มจะลดอะไรลงก็นึกไม่ค่อยออก ทำให้การมองย้อนกลับไปเพื่อทบทวนถึงสิ่งที่ทำมา ถูกนำมาใช้เป็นวิธีบริหารจัดการยอดฮิตและขึ้นแท่นความคลาสสิกไปแล้วหลายตัว

     หนึ่งในนั้นคือ “Starfish Retrospective” หรือ “ปลาดาวรำลึก” เทคนิคเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจแบบคิดกลับหลัง ซึ่งเป็นผลงานของ Patrick Kua ผู้นำด้านเทคโนโลยี นักเขียน และวิทยากรที่กำเนิดขึ้นในปี 2006

     แม้ว่าจะเป็นเทคนิคน้องใหม่ท่ามกลางพี่ใหญ่ที่รู้จักกันดีอย่างแผนผังก้างปลา (Fishbone Diagram) หรือ “Ishikawa Diagram” ที่ตั้งตามชื่อของผู้พัฒนาอย่าง ศาสตราจารย์คาโอรุ อิชิกาว่า แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว ที่คิดค้นขึ้นเมื่อ 80 ปีที่ผ่านมาก็ตาม แต่ “Starfish Retrospective” เองก็กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเช่นกัน

หาจุดบอด-สร้างจุดแข็ง ตาม “5 แฉกแห่งปลาดาว”

      ขั้นกว่าของการรู้แค่ว่าทำอะไรแล้วดี หรือทำอะไรแล้วไม่ดีต่อธุรกิจ เทคนิคแบบ “ปลาดาวรำลึก” จะพาให้หวนนึกและไตร่ตรองถึงคุณภาพของแต่ละกิจกรรมที่ทำแบบลงลึกมากขึ้น ผ่านการพิจารณาตาม 5 หัวข้อที่เปรียบเสมือนขาหรือแฉกทั้ง 5 ของปลาดาว

     1.Stop Doing: อะไรไม่สร้างคุณค่า “หยุดทำ” ซะ

     ก่อนอื่นเลยควรกลับมามองว่าอะไรที่ทำแล้วไม่เกิดคุณค่า ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ หรือเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น ทำไปแล้วสร้างแต่ความสูญเปล่า ไม่ว่าจะเป็นด้านต้นทุน ค่าใช้จ่าย หรือทรัพยากรต่างๆ ก็ตามให้หยุดทำสิ่งนั้น เช่น หยุดสั่งงานนอกเวลางาน เพราะไม่เพียงพนักงานจะทำงานได้ไม่เต็มที่ ยังลดประสิทธิภาพการทำงานในระยะยาวได้อีกด้วย

    2.Do Less Of: อะไรทำแล้วไม่คุ้มให้ “ลด”

     คิดง่ายๆ กิจกรรมหรือการกระทำอะไรที่ทำไปแล้วได้ไม่คุ้มเสียควรลดให้น้อยลง เพราะหากทำในระดับเท่าเดิม แต่ผลที่ได้กลับไม่ดีและไม่คุ้มอย่างที่ควรก็ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องฝืนทำ เช่น จัดประชุมยาวไม่เว้นวันแบบจัดหนักจัดเต็ม แถมหัวข้อไม่ชัดเจน จนผู้เข้าร่วมสมองล้า ควรลดวันและเวลาลง พร้อมกำหนดวาระและเป้าหมายให้ชัดเจน

     3.Do More Of: อะไรทำแล้วดีก็ “ทำเพิ่ม”

     อะไรที่ถ้าทำมากขึ้นแล้วได้ผลดี สร้างคุณค่าให้แก่องค์กร ธุรกิจ หรือลูกค้าควรทำเพิ่มขึ้น เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกของฝ่ายขายและฝ่ายผลิต เพื่อให้รู้ถึงความต้องการของลูกค้า เห็นปัญหาที่อีกฝ่ายไม่เคยเห็น และทำลาย Silo ที่ต่างทีม ต่างทำงาน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้มากขึ้น    

     4.Keep Doing: อะไรดี “ทำต่อ”

     กิจกรรมไหนที่สร้างคุณค่าและมีประโยชน์ควรทำต่อไปเหมือนเดิม ไม่ต้องทำเพิ่มหรือทำมากขึ้น เพราะอาจไปลดประสิทธิภาพหรือทำให้การทำงานช้าลงได้ เช่น การโพสต์คอนเทนต์บน Facebook ไม่ควรเกิน 2 ครั้งต่อวัน เพราะหากโพสต์มากหรือถี่กว่านั้นอาจสร้างความรำคาญและเสี่ยงต่อการถูก Unfollow ได้

      5.Start Doing: อะไรน่าสนให้ลอง “เริ่มต้น” ทำ

     สุดท้ายพลาดไม่ได้กับการมองหาไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ซึ่งหลังจากทบทวนจากประสบการณ์และสิ่งที่ทำผ่านมาแล้ว อาจทำให้มองเห็นช่องว่าง โอกาส หรือความท้าทายอะไรใหม่ๆ ที่น่าลองทำดู เช่น จากการเห็นลูกค้า Feedback มาเยอะว่าอยากให้เพิ่มรสชาติใหม่ๆ ลองหยิบมาใช้เป็นจุดตั้งต้นพัฒนาโปรดักต์ดู

     ทั้งหมดนี้หากลองคิดย้อนด้วยตัวคนเดียวแล้วยังมองเห็นภาพไม่ชัด สามารถทำการระดมสมองจากผู้ร่วมงานและพนักงานในองค์กรให้มาร่วมนำเสนอและถกกันอย่างสร้างสรรค์ในแต่ละหัวข้อได้ แล้วจะรู้ว่าอะไรคือจุดบอดที่คุณมองไม่เคยเห็น และอะไรที่พร้อมจะเป็นแต้มต่อให้กับธุรกิจคุณ!    

 

อ้างอิง:  

https://www.scatterspoke.com/retrospective-library/starfish-retrospective

https://www.teamretro.com/retrospectives/starfish-retrospective

https://www.funretrospectives.com/starfish/

https://nulab.com/learn/project-management/try-starfish-retrospective-make-your-projects-run-smoothly/

https://www.decipherzone.com/blog-detail/starfish-retrospective-technique

https://www.relevantaudience.com/th/how-often-do-you-need-to-post-on-social-media-in-2023/

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MANAGEMENT

ESG จะเปลี่ยนความเสี่ยงเป็นโอกาสธุรกิจได้อย่างไร

แม้คำว่า ESG (Environment, Social, Governance) จะฟังดูเป็นเรื่องใหญ่โตและต้องใช้เงินลงทุน แต่แท้จริงแล้วเอสเอ็มอี ก็สามารถทำได้ เพราะนี่คือโอกาสและความท้าทายครั้งสำคัญในการดำเนินธุรกิจ   

4 เครื่องมือช่วย “ตัดสินใจ” ที่ผู้ประกอบการต้องรู้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า

หากมีทางเลือกอยู่หลายทาง แล้วทางไหนจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ และข้อผิดพลาดน้อยที่สุด SME Thailand เลยอยากจะแนะนำเครื่องมือที่ช่วยให้การตัดสินใจที่มีความรอบคอบและเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด