How to ธุรกิจเล็กสู้กับบริษัทใหญ่ ไม่ต้องมีผลิตภัณฑ์ที่เจ๋งก็ล้มยักษ์ได้

TEXT : กองบรรณาธิการ

Main Idea

  • ก่อนจะเป็นบริษัทใหญ่ทุกธุรกิจต้องผ่านการเป็นบริษัทขนาดเล็กมาก่อน

 

  • เหมือนกับ Amazon เริ่มต้นธุรกิจขายหนังสือในปี 1994 ผ่านไป 25 ปี Amazon ได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดดจนกลายเป็นบริษัทยักษ์ที่ทั่วโลกรู้จัก

 

  • SME ที่สามารถเติบโตมาเป็นบริษัทขนาดใหญ่ได้ ต้องต่อสู้อย่างไรถึงจะเอาชนะยักษ์ใหญ่ได้ มีข้อได้เปรียบใดบ้างที่จะช่วยทำให้ธุรกิจเติบโตได้

 

คุณไม่จำเป็นต้องมีผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด

     หากคุณกังวลกับความคิดที่ว่าต้องมีผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่าคู่แข่ง โปรดจำคำพูดของนักลงทุน Peter Thiel จากหนังสือ Zero to One: Notes on Startups หรือ How to Build the Future ที่บอกว่า "แม้ไม่มีความแตกต่างของสินค้า การขายและการจัดจำหน่ายที่เหนือกว่าสามารถสร้างการผูกขาดในตลาดได้"

     ดังนั้นแม้ผลิตภัณฑ์ของคุณไม่ได้ยอดเยี่ยมที่สุดเหมือนกับธุรกิจขนาดใหญ่ แต่ถ้าการบริการลูกค้าของคุณทำได้น่าประทับใจลูกค้าย่อมจะมีที่ว่างในตลาดให้คุณ

ธุรกิจปรับตัวได้ไว

     เมื่อคุณตัวเล็ก คุณสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วกว่าบริษัทขนาดใหญ่ที่ต้องมีขั้นตอนมีระเบียบกฎเกณฑ์ในการดำเนินงาน และจะต้องทำให้นักลงทุนพอใจด้วย

     ในขณะที่ SME คุณเปรียบเสมือนนักวิ่งมาราธอน คนเดียวที่คุณต้องทำให้พอใจก็คือตัวคุณเอง สิ่งนี้ทำให้คุณมีอิสระและควบคุมธุรกิจของคุณได้อย่างเต็มที่ให้เป็นไปตามเทรนด์หรือความต้องการของลูกค้า

ใกล้ชิดกับลูกค้าและพนักงานได้ดีกว่า

     ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดลึกซึ้งนี่คืออาวุธอย่างหนึ่งสำหรับธุรกิจ SME ไม่ว่าจะเป็นการดูแลพนักงานอย่างดีเหมือนพี่เหมือนน้อง ยิ่งดูแลพนักงานดีพนักงานก็จะช่วยดูแลธุรกิจเสมือนหนึ่งเป็นเจ้าของ หรือการดูแลลูกค้าแบบวีไอพีทำให้ลูกค้าประทับใจที่ธุรกิจขนาดใหญ่ไม่สามารถทำได้ดีเท่าคุณ

     ความสัมพันธ์ที่ดีก็อาจเริ่มจากการจำชื่อลูกน้องหรือลูกค้า เมื่อลูกค้าไว้วางใจและรู้จักคุณ ก็ไม่ยากที่จะทำให้พวกเขากลับมาใช้บริการหรือซื้อผลิตภัณฑ์ของคุณได้

มีโอกาสเสี่ยง สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ

     สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นข้อได้เปรียบอีกข้อหนึ่งของธุรกิจขนาดเล็กคือ โอกาสที่จะเสี่ยงทำในสิ่งต่างๆ  ง่ายกว่าองค์กรขนาดใหญ่ ยิ่งองค์กรมีขนาดใหญ่เท่าใด การอัปเดตและการเปลี่ยนแปลงก็จะใช้เวลานานขึ้นเท่านั้น สำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่มีพนักงานน้อย และมีกระบวนการน้อยกว่าสามารถตัดสินใจได้เร็ว การสร้างนวัตกรรมมักจะง่ายกว่าธุรกิจขนาดใหญ่

จับตลาดเฉพาะกลุ่ม

     ตลาดเฉพาะกลุ่มจะมีขนาดเล็กแต่มีคู่แข่งน้อยเช่นกัน เป็นตลาดที่เจ้าใหญ่จะไม่อยากลงมาแข่งขันด้วยเพราะอาจไม่คุ้มกับกำไร แต่สำหรับ SME ตลาดเฉพาะกลุ่มคือฐานลูกค้าที่ดี เหมาะสำหรับการรอขยายไปสู่ตลาดที่ใหญ่ขึ้นในอนาคต

ออนไลน์เปลี่ยนเกม

     ในยุคดิจิทัลนี้ บริษัทขนาดเล็กยิ่งมีโอกาสแข่งขันกับบริษัทขนาดใหญ่ ด้วยการใช้การตลาดออนไลน์ผ่านโซเชียลมีเดีย เปรียบเสมือนเวทีช่วยให้ SME มีพื้นที่เวทีเข้าถึงลูกค้าทั่วโลกมากขึ้น สามารถค้าขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยที่ใช้จำนวนพนักงานไม่มาก

     อุปสรรคที่จะเป็นข้อจำกัดของขนาดธุรกิจคุณอาจหมดไปทันที เมื่อคุณ “หยุดกังวลและเริ่มลงมือทำทันที”

ที่มา : https://www.forbes.com/sites/forbesfinancecouncil/2019/09/30/how-small-businesses-can-compete-with-big-businesses/?sh=68913bc73c61

https://www.become.co/blog/how-to-compete-with-big-brands/

https://www.roberthalf.co.uk/advice/corporate-culture/how-can-small-businesses-compete-large-companies

https://localiq.com/blog/ways-small-businesses-can-compete-with-big-businesses/

https://www.zenbusiness.com/blog/10-competitive-advantages-small-businesses-have-over-big-companies/

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MANAGEMENT

ESG จะเปลี่ยนความเสี่ยงเป็นโอกาสธุรกิจได้อย่างไร

แม้คำว่า ESG (Environment, Social, Governance) จะฟังดูเป็นเรื่องใหญ่โตและต้องใช้เงินลงทุน แต่แท้จริงแล้วเอสเอ็มอี ก็สามารถทำได้ เพราะนี่คือโอกาสและความท้าทายครั้งสำคัญในการดำเนินธุรกิจ   

4 เครื่องมือช่วย “ตัดสินใจ” ที่ผู้ประกอบการต้องรู้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า

หากมีทางเลือกอยู่หลายทาง แล้วทางไหนจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ และข้อผิดพลาดน้อยที่สุด SME Thailand เลยอยากจะแนะนำเครื่องมือที่ช่วยให้การตัดสินใจที่มีความรอบคอบและเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด