เคล็ดลับจัดบ้านต้อนรับปีใหม่ งานดี เงินดี สุขภาพดี รับทรัพย์ตลอดปี

TEXT : กองบรรณาธิการ

Main Idea

3 ข้อ จัดบ้านให้น่าอยู่ได้ง่ายๆ

  • เคลียร์ของที่ไม่ใช้แล้วออกไป

 

  • จัดของที่มีอยู่ให้เป็นหมวดหมู่ เป็นที่เป็นทาง หยิบใช้ง่าย

 

  • เติมสีสันชีวิตชีวาให้กับบ้านบ้าง

             

     วันหยุดยาวช่วงปีใหม่นี้ สำหรับใครที่ไม่ได้เดินทางไปท่องเที่ยวที่ไหน นี่อาจเป็นจังหวะเหมาะที่คุณจะได้สะสางบ้านแบบ Big Cleaning กันไปเลย อะไรที่ยังเอาไว้ อะไรที่ควรทิ้ง เพื่อให้บ้านน่าอยู่อาศัย น่าพักผ่อน อยู่บ้านได้อย่างมีความสุขโดยไม่ต้องเดินทางไปเที่ยวไหนไกลๆ กัน

     โดยเราได้รวบรวมมาให้แล้ว แบบครบจบในที่เดียว ตั้งแต่การเริ่มต้นว่าควรจะเริ่มจากอะไรก่อนดี พื้นที่ที่ควรเคลียร์เป็นพิเศษ จัดบ้านรับทรัพย์ดีต้องทำยังไง ไปจนถึงเทรนด์การเลือกใช้สีการตกแต่งควรเลือกแบบไหนดี

ยึดหลักง่ายๆ แค่ 3 ข้อ

     ก่อนจะเริ่มต้นลงมือทำว่าควรทำอะไรก่อนดี ขอให้ยึดหลักง่ายๆ 3 ข้อนี้ก่อน

     1. เคลียร์ของที่ไม่ใช้แล้วออกไป

     2. จัดของที่มีอยู่ให้เป็นหมวดหมู่ เป็นที่เป็นทาง หยิบใช้ง่าย

     3. เติมสีสันชีวิตชีวาเข้าไปให้กับบ้านบ้าง เช่น การเลือกใช้สี, เสียงเพลง

 

แยกจัดเก็บสิ่งของแต่ละประเภท คัดเลือกของที่ใช้ และไม่ใช้แล้ว

เสื้อผ้า

     น่าจะเป็นสิ่งของที่มีเยอะมากเป็นอันดันต้นๆ ของบ้าน ลองรื้อตู้เสื้อผ้าคุณออกมา แยกเป็น

  • เสื้อผ้าที่ยังใส่ได้และยังใช้อยู่ ให้เก็บไว้ในตู้หรือพื้นที่ที่สามารถหยิบใช้ได้ง่าย สะดวก

 

  • เสื้อผ้าที่ไม่ได้ค่อยได้ใช้ นานๆ ใส่ที แต่มีความจำเป็น เช่นเสื้อสูท ให้นำไปเก็บไว้ในตู้เฉพาะที่ไม่ค่อยได้หยิบใช้งาน

 

  • เสื้อผ้าที่ซื้อมาแล้วไม่ได้ใส่ เพราะใส่ไม่ได้บ้าง หรือลองใส่แล้วไม่ชอบ อย่าเสียดายให้เก็บแยกเอาไว้และจำหน่ายออกไป เช่น บริจาคให้กับมูลนิธิต่างๆ

 

หนังสือ

  • รวบรวมจากหลายพื้นที่ในบ้าน เช่น หัวนอน โต๊ะทำงาน ห้องน้ำให้มารวมกันที่เดียว

 

  • คัดเลือกเล่มที่ชอบและอยากเก็บไว้ ส่วนเล่มที่คิดว่าไม่อ่านแล้ว ให้มัดไว้เป็นตั้งเพื่อนำไปขาย หรือบริจาคต่อ

 

  • เหลือเล่มที่อยากเก็บไว้ แล้วนำเก็บเข้าชั้น จัดให้เป็นหมวดหมู่

 

เอกสาร

     ให้เก็บเฉพาะแค่ 3 ประเภทนี้

  • เอกสารที่ต้องจัดการ เช่น ค่าน้ำค่าไฟ เมื่อจัดการเสร็จก็ให้ทิ้ง หรือเก็บไว้เป็นหลักฐานเผื่อดูย้อนหลังสัก 3-6 เดือน

 

  • เอกสารสำคัญ เช่น สัญญาต่างๆ

 

  • เอกสารที่ต้องเก็บอื่นๆ เช่น เอกสารที่มีคุณค่าทางจิตใจ การ์ดอวยพรจากคนสำคัญ เป็นต้น

 

ของจิปาถะ

  • ให้ดูเป็นหมวดหมู่ คัดแยกใช้ไม่ใช้ หากใช้ก็เก็บไว้ให้เป็นที่เป็นทาง หากไม่ใช้ก็ทิ้งไป เช่น เครื่องมือช่าง, เครื่องสำอาง

 

ของที่มีคุณค่าทางจิตใจ

  • ให้ลองสำรวจความรู้สึกตัวเองว่ายังรู้สึกดี หรือต้องการสิ่งของนั้นอยู่ไหม ของบางอย่างแม้ได้มา เช่น ของขวัญจากเพื่อน แต่หากคุณไม่ได้ใช้ ก็สามารถนำมันจำหน่ายออกไปได้ ไม่ต้องเก็บไว้ทุกชิ้น เช่น นำไปให้ต่อหรือบริจาค โดยไม่ต้องรู้สึกผิด เพราะสิ่งของนั้นได้ทำหน้าที่มอบความปรารถนาดีจากผู้ให้มาสู่ผู้รับแล้ว

 

ลายแทงการจัดบ้าน

     นอกจากแยกดูสิ่งของออกเป็นประเภทต่างๆ แล้ว คราวนี้ให้ลองมาดูเป็นจุดต่างๆ ในบ้านบ้าง ดังนี้

     ตู้เย็น รื้อของที่หมดอายุแล้วออก เช่น นม หมดอายุ, แกงที่ซื้อไว้นานแล้ว ไปจนถึงอาหารแช่แข็ง ซึ่งหมดอายุได้เช่นกัน

     ตู้ยา เช็คยาที่หมดอายุทิ้งออกไป หากล่องมาใส่จัดแยกเป็นประเภท เช่น ยาใช้ภายนอก, ยาใช้ภายใน

     โต๊ะต่างๆ เช่น โต๊ะทำงาน, โต๊ะกินข้าว, โต๊ะนั่งเล่น จัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เคลียร์ของที่ไม่ใช้ ไม่จำเป็นออก

     ลิ้นชัก เป็นจุดเล็กๆ แต่จริงๆ แล้วอาจมีสิ่งของที่ไม่ได้ใช้งาน หรือไม่จำเป็นซ่อนอยู่มาก ฉะนั้นนอกจากจัดการพื้นที่ต่างๆ ในบ้านแล้ว ควรตรวจเช็คลิ้นชักต่างๆ ด้วย เช่น ลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้ง, ลิ้นชักโต๊ะทำงาน มีอะไรที่ควรทิ้งได้ ก็ทิ้งเลย รวมถึงจัดระเบียบให้น่าใช้งาน โดยอาจหากล่องเล็กๆ มาแยกประเภทของ เช่น ที่เก็บปากกา, เก็บลูกแม็กเย็บกระดาษ เป็นต้น

     พื้นที่สต็อกของใช้ในบ้าน เป็นอีกสิ่งที่ทุกบ้านควรมี โดยแยกเก็บไว้ให้เป็นหมวดหมู่ เช่น ส่วนซักล้าง อาทิ น้ำยาล้างจาน น้ำยาถูพื้น ผงซักฟอก เครื่องใช้ส่วนตัว ได้แก่ สบู่ ยาสระผม ยาสีฟัน, วัตถุดิบประกอบอาหาร เช่น ซอสเครื่องปรุง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

     ต้นไม้ ดูเหมือนว่าจริงๆ แล้วไม่ต้องจัดอะไรมาก แต่จริงๆ แล้วนอกจากรดน้ำ บำรุงใส่ปุ๋ยให้งอกงาม แต่จริงๆ แล้วต้นไม้บางต้นอาจเติบโตขึ้น ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนกระถาง หรือบางต้นอาจอยู่ในพื้นที่ที่ไม่เหมาะ เช่น ได้รับแสงน้อย ทำให้ไม่โตเท่าที่ควร เราก็ควรย้ายมุมใหม่ เป็นต้น

     ตรวจเช็คอุปกรณ์การใช้งานต่างๆ เช่น หลอดไฟ, ก๊อกน้ำ, เครื่องมือการใช้งานต่างๆ ว่ามีอะไรชำรุด ไปบ้างหรือเปล่า โดยควรบำรุงรักษาให้สามารถพร้อมใช้งานอยู่เสมอ

            

การเลือกใช้เฉดสีห้องนั่งเล่นตามหลักจิตวิทยา

     หลังจากจัดการเคลียร์ของต่างๆ ในบ้าน แยกของที่ใช้ และไม่ใช้ออกมา รวมถึงจัดระเบียบการใช้งานให้ได้หยิบใช้ได้ง่ายขึ้นแล้ว ลองมาเติมชีวิตชีวาให้กับบ้าน เช่น การทาสีห้องต่างๆ บ้างก็ดี โดยในที่นี่ขอหยิบเคล็ดลับการเลือกสีห้องนั่งเล่น ซึ่งเปรียบเสมือนหัวใจของบ้าน เพราะเป็นที่อยู่ร่วมกันของทุกคนในบ้านมาฝากกัน

     โดยผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาได้แบ่งเฉดสีห้องนั่งเล่นที่ช่วยปรับอารมณ์ความรู้สึกคุณไว้ ดังนี้

  • สีเหลือง ช่วยให้ความรู้สึกอบอุ่น

     เช่น สีเหลืองทองอ่อนๆ , สีเหลืองทุ่งขาวสาลี เพราะการใช้สีเหลืองอ่อนจะทำให้เรารู้สึกไม่ต่างอะไรกับการอยู่ในพื้นที่ที่มีแดดอ่อนๆ อบอุ่น ปลอดภัย ผ่อนคลาย อารมณ์ดีขึ้นได้ แต่ขอย้ำว่าสีเหลืองอ่อนเท่านั้น เพราะหากเป็นสีเหลืองสดอาจทำให้เกิดความรู้สึกเครียดและปั่นป่วนแทน

  • สีเทาอ่อน ช่วยให้รู้สึกสนุกสนาน

     เป็นสีที่ใช้งานได้ง่าย นำเฟอร์นิเจอร์อะไรเข้ามาใส่ ก็เข้ากันได้หมด เปรียบเสมือนจานสีว่างๆ ที่รอให้สีต่างๆ มาเติมเต็ม จึงเป็นสีห้องที่อยู่แล้วรู้สึกถึงความเป็นมิตร สนุกสนาน อิสระ อยากปรับเปลี่ยนอะไรก็สามารถทำได้ง่าย

  • สีเขียว ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย สงบ

     เปรียบเหมือนกับต้นไม้ เวลาเราอยู่ใต้ต้นไม้ก็จะรู้สึกสงบ สบาย เย็น ผ่อนคลาย ดังนั้นหากนำมาไว้ในบ้าน จะสร้างพื้นที่ผ่อนคลายให้คุณได้ดี แค่ลองหลับตา อยู่นิ่งๆ สักพัก เปิดตาขึ้นมาอีกครั้ง คุณอาจรู้สึกว่าอยู่ท่ามกลางธรรมชาติก็ได้

  • สีส้มอิฐ หรือสีดิน ทำให้รู้สึกอบอุ่น สงบ

     เนื่องจากเป็นอีกโทนสีที่สงบ และเป็นโทนสีธรรมชาติ สีส้มอิฐ น้ำตาลอ่อน หรือดิน จึงเป็นอีกสีที่นิยมนำมาใช้ในห้องนั่งเล่น เพราะนอกจากจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายแล้ว ยังทำให้เหมือนอยู่ท่ามกลางแวดล้อมธรรมชาติอย่างดินด้วย

  • สีฟ้าอ่อน ทำให้รู้สึกโล่งและคลายกังวล

     เวลาคุณเหนื่อยๆ มาจากการทำงาน การได้กลับมาบ้าน นั่งอยู่ในห้องสีฟ้าอ่อน หรือฟ้าอมเทาจะทำให้คุณรู้สึกโล่ง และคลายกังวลลงได้ ซึ่งมันสามารถเข้ากันได้ดีกับเฟอร์นิเจอร์สีเอิร์ธโทน หรือสีน้ำตาลเทา หรือช็อกโกแลตเข้มไปเลยก็ได้

  • สีชมพูอ่อน ช่วยลดความเครียดและอารมณ์ที่รุนแรงลงได้

     ส่วนใหญ่แล้วสีชมพู ถ้าไม่ใช่คนที่ชอบจริงๆ ก็มีส่วนน้อยที่จะนำมาใช้เป็นสีห้องนั่งเล่น แต่จริงๆ แล้วหาลองเลือกใช้ให้ดีๆ อย่างสีชมพูอ่อน นอกจากไม่ฉูดฉาดเกินไปแล้ว ยังทำให้ช่วยลดความตึงเครียด และอารมณ์ที่รุนแรงลงได้ด้วย คล้ายกับสีฟ้าอ่อน แต่เพิ่มความรู้สึกอบอุ่นเข้าไปอีกนิดนึง โดยสีชมพูอ่อนจะเข้ากันได้ดีกับสีเทาอ่อนและสีน้ำตาลอุ่นๆ คุณจะลองเลือกเฟอร์นิเจอร์สักตัว เข้ามาช่วยให้ห้องดูน่าสนใจมากขึ้นก็ได้

3 ส่วนที่ควรเน้น หากอยากรับทรัพย์ดีตลอดปี

     จากเคล็ดลับการจัดบ้านให้น่าอยู่แล้ว ลองมาดูตามศาสตร์ความเชื่อกันบ้าง โดยว่ากันว่าเพื่อให้หน้าที่การงานและรับทรัพย์ดีตลอดปี ควรเน้นใน 3 จุดสำคัญนี้

  • หน้าบ้าน

     เปรียบเสมือนประตูด้านหน้าที่เปิดร้านสิ่งดีๆ เข้ามาบ้าน ดังนั้นจึงควรเก็บกวาดให้เรียบร้อย ทำให้น่ามอง น่าเข้ามาอยู่อาศัย เช่น การตัดแต่งต้นไม้ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ทาสีรั้วใหม่ เพื่อเตรียบรับเรื่องดีๆ ที่จะเข้ามา โดยอาจจะเพิ่มน้ำพุหรือบ่อน้ำเล็กๆ ที่อยู่ด้านหน้า จัดเป็นโซนนั่งเล่นเล็กๆ น่ารักไว้ด้วยก็ได้

  • ห้องนั่งเล่น

     อย่างที่บอกว่าเป็นห้องสำคัญ เปรียบได้กับหัวใจของบ้าน เพราะเป็นที่ที่ทุกคนมักมาทำกิจกรรมร่วมกัน ไปจนถึงเป็นพื้นที่รับแขกเป็นหน้าตาของบ้าน ดังนั้นควรเน้นเก็บกวาดให้สะอาดอยู่เสมอ ไปจนถึงจัดพื้นที่ให้น่าอยู่ มีเฟอร์นิเจอร์นั่งสบายๆ ให้เป็นพื้นที่ผ่อนคลายสำหรับทุกคนและแขกผู้มาเยือน สำหรับโทนสีที่เลือกใช้ ก็สามารถเลือกได้ตามที่ชื่นชอบตามคำแนะนำเรื่องจิตวิทยาสีที่เขียนไว้ด้านบนเลย

  • ห้องนอน

     ห้องสุดท้ายที่ถือว่ามีความสำคัญมาก ก็คือ ห้องนอน เพราะเป็นห้องที่เอาไว้ใช้สำหรับพักผ่อน นอนหลับ ซึ่งการได้นอนหลับสนิทเต็มที่ ก็เหมือนการได้ให้ร่างกายชาร์จแบตไปในตัว ทำให้มีสุขภาพที่ดี เปรียบเสมือนปอดให้กับร่างกายที่สูดอากาศดีๆ เข้าไป จึงเป็นอีกห้องที่ควรให้ความสำคัญมาก อาจไม่ต้องใช้อะไรตกแต่งมาก แต่ขอให้อยู่แล้วสบาย สะอาด เรียบร้อย ก็พอ

     สุดท้ายอยากฝากบอกว่า การได้อยู่ในบ้านหรือพื้นที่แห่งการพักผ่อนที่ดีมีส่วนสำคัญมากต่อชีวิตเรา ไม่ว่าจะเรื่องสุขภาพทั้งกายและใจ ทำให้เรามีพลังที่จะออกไปสู่กับสิ่งต่างๆ ได้ ซึ่งก็ส่งผลไปถึงหน้าที่การงาน และการเงินที่ดีคืนกลับมาด้วยนั่นเอง

ที่มา : https://www.insider.com/best-colors-for-living-room-according-to-expert-color-psychology-2022-10

https://www.meecometop.com/misc/clean-your-house-marie-kondo/

https://www.teachpot.com/blog/newyear-house-cleaning/

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

 

RECCOMMEND: MANAGEMENT

ESG จะเปลี่ยนความเสี่ยงเป็นโอกาสธุรกิจได้อย่างไร

แม้คำว่า ESG (Environment, Social, Governance) จะฟังดูเป็นเรื่องใหญ่โตและต้องใช้เงินลงทุน แต่แท้จริงแล้วเอสเอ็มอี ก็สามารถทำได้ เพราะนี่คือโอกาสและความท้าทายครั้งสำคัญในการดำเนินธุรกิจ   

4 เครื่องมือช่วย “ตัดสินใจ” ที่ผู้ประกอบการต้องรู้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า

หากมีทางเลือกอยู่หลายทาง แล้วทางไหนจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ และข้อผิดพลาดน้อยที่สุด SME Thailand เลยอยากจะแนะนำเครื่องมือที่ช่วยให้การตัดสินใจที่มีความรอบคอบและเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด