ขายหลายช่องทางยังไงให้สต็อกไม่จม สินค้าไม่ขาด

TEXT : กองบรรณาธิการ

PHOTO : MyCloudFulfillment

 

     เมื่อโลกการค้าเปลี่ยนมาอยู่บนช่องทางออนไลน์ หรืออีคอมเมิร์ซมากยิ่งขึ้น การขายหลายช่องทางไม่ว่าในมาร์เก็ตเพลส โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ หรือช่องทางออฟไลน์ต่างๆ คือ การเพิ่มโอกาสให้กับธุรกิจ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบริหารจัดการทุกอย่างให้ลงตัวได้ ไม่ว่าการจัดส่งออร์เดอร์สินค้าที่ถูกต้อง การส่งของได้ทันกำหนด ไปจนถึงการบริหารจัดการสต็อกให้ลงตัวไม่มากเกินไปจนทุนจม แต่ก็ไม่น้อยเกินไปจนเสียโอกาสในการขาย การเลือกใช้บริการ “Fulfillment” หรือผู้ให้บริการคลังสินค้าออนไลน์ คือ หนึ่งในทางออกที่สามารถช่วยบริหารจัดการธุรกิจให้ง่ายขึ้นได้ วันนี้ นิธิ สัจจทิพวรรณ กรรมการผู้จัดการและผู้ร่วมก่อตั้ง MyCloudFulfillment หนึ่งในผู้ให้บริการคลังสินค้าออนไลน์ของไทยจะมาเล่าถึงความจำเป็น และแนะนำวิธีการเลือกใช้คลังสินค้าออนไลน์สำหรับ SME กัน

ทำไมถึงต้องขายของหลายช่องทาง

  • เพิ่มโอกาสให้ธุรกิจ เพราะวันนี้ลูกค้าบนออนไลน์ไม่ได้อาศัยอยู่แค่ช่องทางเดียวเสมอไป
  • ลดความเสี่ยง หากเกิดปัญหาขึ้นในช่องทางใดช่องทางหนึ่ง ก็ยังมีช่องทางอื่นเหลืออยู่

 

ปัญหาจากการขายหลายช่องทาง

     แต่การจะขายหลายช่องทางใด ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยอาจมีปัญหาตามมาดังนี้

  • ขาดกำลังคนเพื่อจัดการออร์เดอร์ ทำให้ต้องจ้างพนักงานเพิ่ม กลายเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
  • ต้องเพิ่มสถานที่ และอุปกรณ์ในการจัดเก็บสินค้า
  • เกิดความผิดพลาดในการจัดส่งได้ง่าย จากปริมาณออร์เดอร์จำนวนมาก เช่น ส่งของผิดออร์เดอร์ หรือทำให้เกิดความล่าช้าได้
  • ต้องสต็อกสินค้าในปริมาณมาก เพื่อให้เพียงพอกับการขายในหลายช่องทาง ทำให้เกิดทุนจม

 

คลังสินค้าออนไลน์ ตัวช่วยจัดการออร์เดอร์

     โดยหนึ่งในวิธีแก้ไขปัญหาการขายของออนไลน์ เพื่อจัดการออร์เดอร์จากหลายช่องทางที่นิยม คือ การเลือกใช้บริการคลังสินค้าออนไลน์ ซึ่งนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาได้แล้ว ยังเหมาะกับการทำธุรกิจยุคนี้ที่ต้องเผชิญกับวิกฤตความเปลี่ยนแปลงมากมาย เพราะไม่ต้องลงมือทำเองทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว ทำให้ตัวเบาขึ้นไม่ต้องแบกรับภาระรอบด้าน โดยมีวิธีการเลือกคลังสินค้าออนไลน์ที่ดีดังนี้

  • รองรับช่องทางการจำหน่ายและการจัดส่งได้หลายช่องทาง โดยปัจจุบันคลังสินค้าบางแห่งสามารถเชื่อมต่อได้มากกว่า 30 ช่องทางการขายและการจัดส่ง ทำให้แม้จะเก็บอยู่ในพื้นที่สต็อกเดียวกัน ก็สามารถขายได้หลากหลายช่องทาง แถมยังตรวจเช็คสต็อกได้แบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถจัดสรรสต็อกได้พอเพียง ไม่เสียโอกาสในการขาย ขณะเดียวกันก็ไม่มากเกินไป จนทุนจมด้วย
  • มีความสามารถในการรองรับออร์เดอร์ที่สวิงขึ้น-ลงได้ จากการจัดทำโปรโมชั่นของช่องทางออนไลน์หลายแห่ง เพื่อกระตุ้นยอดขาย ทำให้ปัจจุบันยอดการสั่งออร์เดอร์ของลูกค้ามีความสวิงตัวค่อนข้างมาก ดังนั้น SME จึงควรเลือกคลังสินค้าที่มีศักยภาพรองรับความผันผวนดังกล่าวได้ด้วย ซึ่งปัจจุบันคลังสินค้าหลายแห่งได้มีการเตรียมรองรับโดยจ้างพนักงานไว้หลายประเภท เช่น พนักงานประจำ เพื่อรองรับออร์เดอร์ปกติ, พนักงานอัตราจ้างระยะสั้น เช่น ราย สัปดาห์, ราย 3 เดือน (ช่วงสิ้นปี) เพื่อเข้ามาช่วยเสริมในช่วงที่มีการจัดทำโปรโมชั่น หรือออร์เดอร์มากๆ

 

  • มีระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ สามารถตรวจสอบได้ เช่น หลายแห่งมีการติดกล้องวงจรปิดบันทึกภาพจุดก่อนแพ็กสินค้าลงกล่องทุกครั้ง เผื่อหากเกิดปัญหาขึ้นมาก็สามารถตรวจเช็คภาพย้อนหลังได้
  • มีตัวเลือกที่หลากหลาย สร้างจุดเด่นเฉพาะให้กับธุรกิจได้ SME หลายคนอาจกังวลกับการไม่ได้แพ็กจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าด้วยตัวเอง เพราะอาจทำให้เสียโอกาสไม่สามารถสร้างจุดเด่นให้กับแบรนด์ได้ ในข้อนี้คลังสินค้าหลายแห่งได้มีการพัฒนาขึ้น โดยให้ลูกค้าที่เป็นร้านค้าต่างๆ สามารถคัสตอมไมซ์บริการจัดส่งได้ตามความต้องการ อาทิ การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์เฉพาะแบรนด์ เช่น จัดใส่การ์ดอวยพรในโอกาสพิเศษ, การฉีดน้ำหอม, การจัดเซ็ตของขวัญ รวมถึงการจัดส่งให้เลือกหลายระดับ เช่น ส่งด่วน 1 - 2 ชั่วโมง, ส่งภายในวันนั้น ส่งในวันถัดไป

 

     นอกจากคำแนะนำในการเลือกใช้คลังสินค้าออนไลน์แล้ว กรรมการผู้จัดการและผู้ร่วมก่อตั้ง MyCloudFulfillment ยังได้ฝาก 3 ข้อคิดทิ้งท้ายของการทำธุรกิจยุคนี้ที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนและเปลี่ยนแปลงมากมายไว้ด้วยว่า

  • ยึดความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก เข้าใจพฤติกรรมลูกค้าว่าซื้อไปเพราะอะไร ทำไม พัฒนาปรับปรุง ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เพื่อตัดปัญหาการแข่งขันด้านราคา
  • ไปให้ครบทุกช่องทางที่คิดว่าลูกค้าอยู่ โดยเข้าใจเส้นทางการเดินทางของลูกค้า เพราะลูกค้าหนึ่งคนอาจไม่ได้อยู่แค่ช่องทางเดียวเสมอไป เช่น อาจเห็นสินค้าที่เฟซบุ๊ก แต่ไปหาข้อมูลเพิ่มเติมในกูเกิ้ล และตัดสินใจกดสั่งซื้อในมาร์เก็ตเพลสก็ได้
  • มีความยืดหยุ่น ควรทำตัวให้เล็กและเบาที่สุด อย่าลงทุนทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว แต่ให้ใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเข้ามาช่วย เพื่อลดภาระในการลงทุนเพิ่ม และบริหารจัดการดูแลด้วยตนเอง

 

***ข้อมูลจากโครงการ “ถอด DNA ความสำเร็จแบบวิถีโตโยต้า” ในหัวข้อ “แนวคิดในการทำธุรกิจแบบ TOYOTA WAY”

โดย SME Thailand x โตโยต้าธุรกิจชุมชนพัฒน์  

สนใจเข้าร่วมกิจกรรม คลิก https://toyotatsi.com/course

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

 

RECCOMMEND: MANAGEMENT

ESG จะเปลี่ยนความเสี่ยงเป็นโอกาสธุรกิจได้อย่างไร

แม้คำว่า ESG (Environment, Social, Governance) จะฟังดูเป็นเรื่องใหญ่โตและต้องใช้เงินลงทุน แต่แท้จริงแล้วเอสเอ็มอี ก็สามารถทำได้ เพราะนี่คือโอกาสและความท้าทายครั้งสำคัญในการดำเนินธุรกิจ   

4 เครื่องมือช่วย “ตัดสินใจ” ที่ผู้ประกอบการต้องรู้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า

หากมีทางเลือกอยู่หลายทาง แล้วทางไหนจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ และข้อผิดพลาดน้อยที่สุด SME Thailand เลยอยากจะแนะนำเครื่องมือที่ช่วยให้การตัดสินใจที่มีความรอบคอบและเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด