6 ข้อทำองค์กรให้น่าอยู่แบบชาวนอร์ดิก กลุ่มประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก

 

 

      ถ้าพูดถึงประเทศที่มีมวลรวมความสุขมากที่สุดในโลก แน่นอนใครๆ ก็ต้องนึกถึงกลุ่มประเทศนอร์ดิก ได้แก่ เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ และสวีเดน โดยเฉพาะฟินแลนด์ซึ่งครองแชมป์อันดับ 1 ถึง 5 ปีติดต่อกัน อยากรู้ไหมว่าอะไรที่ทำให้พวกเขาถึงมีความสุขได้ขนาดนั้น หรือจริงๆ อาจไม่สำคัญเท่าว่าแล้วเราจะใช้ชีวิตการทำงานให้มีความสุขเหมือนกับพวกเขาอย่างไรได้มากกว่า ลองมาหาคำตอบพร้อมกัน

เพราะอะไรชาวนอร์ดิกถึงมีความสุขที่สุด

 ถาม : เพราะเป็นประเทศที่ร่ำรวยหรือเปล่า?

ตอบ : ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมสิงคโปร์ หนึ่งในประเทศที่มั่งคั่งที่สุดในโลก ถึงถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 27 ขณะที่คูเวต ซึ่งร่ำรวยที่สุดอันดับ 5 ของโลก กลับอยู่ในอันดับที่ 54

ถาม : เป็นเพราะกรรมพันธุ์ หรือเป็นมาตั้งแต่บรรพบุรุษหรือเปล่า?

ตอบ : จะบอกว่าส่วนหนึ่งอาจจะใช่ เพราะชาวนอร์ดิกก็เป็นกลุ่มประเทศที่เรียกว่ามีความสุขอันดับต้นๆ ของโลกมาช้านาน แต่นั่นก็แค่ 1 ใน 3 เท่านั้น โดยนักวิทยาศาสตร์ได้เคยอธิบายความพึงพอใจของมนุษย์โดย 60 - 70 เปอร์เซ็นต์มักมาจากปัจจัยแวดล้อม แสดงว่ามีเพียง 30 - 40 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ส่งต่อมาจากพันธุกรรม

ถาม : เพราะเป็นประเทศเล็ก และประชากรเป็นคนเชื้อชาติเดียวกันหมดหรือเปล่า?

ตอบ : ประชากรประเทศในแถบนอร์ดิกไม่ได้มีความเหมือนกันทุกประการ ร้อยละ 8 ของประชากรฟินแลนด์เป็นชาวต่างชาติ เช่นเดียวกับเดนมาร์กที่มีประชากรร้อยละ 7.5 เป็นคนต่างชาติ ซึ่งสัดส่วนไม่ได้แตกต่างไปจากฝรั่งเศส ที่มีผู้อพยพอยู่ราว 10 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมดเลย ก็แล้วทำไมฝรั่งเศสถึงไม่ติดอันดับต้นๆ ของประเทศที่มีความสุขด้วยล่ะ

     ศาสตราจารย์ John F. Helliwell บรรณาธิการของ World Happiness Report ที่ทำงานสำรวจความสุขมาเป็นเวลา 25 ปีกล่าวช่วยยืนยันด้วยอีกแรงว่า จากผลการวิจัยในปี 2561 พบว่าสัดส่วนของผู้อพยพในประเทศหนึ่งๆ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อระดับความสุขโดยรวมของผู้ที่เกิดในท้องถิ่นเลย โดยในบรรดาประเทศที่มีความสุขที่สุด 10 อันดับแรกของโลกล้วนแล้วแต่มีค่าเฉลี่ยของประชากรที่อพยพเข้ามากว่า 17.2 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกประมาณสองเท่า โดยพบว่าความหลากหลายทางชาติพันธุ์ไม่ได้ส่งผลต่อความไว้วางใจทางสังคมเลย หากมีสถาบันของรัฐที่มีคุณภาพและเข้มแข็ง

     โดยกล่าวว่าการจะทำให้ประชากรประเทศอื่นๆ มีความสุขเหมือนชาวนอร์ดิกได้ต้องมี 6 ข้อต่อไปนี้ที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ 1. ค่า GDP สูง 2. สวัสดิการที่ดีจากภาครัฐ 3. อายุขัยที่แข็งแรง 4. การมีเสรีภาพในตัวเอง 5. ความเอื้ออาทร ความไว้วางใจ และ 6. การทุจริต คดโกงที่น้อย โดยข้อที่ชาวนอร์ดิกได้คะแนนสูงเป็นอันดันต้นๆ ก็คือ ความเมตตา เอื้ออาทรต่อกัน

     จากที่ได้ลองฟัง หากลองนำมาปรับใช้กับการทำงานในองค์กรธุรกิจแล้ว จะได้เป็นดังนี้

1. รายได้ ค่าตอบแทนที่สมเหตุสมผล

     เรียกว่าเป็นข้อสำคัญอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ ที่จะมัดใจหรือจูงใจพนักงานที่มีคุณภาพให้อยู่กับคุณไปได้อีกนาน เพราะไม่ว่าใครก็ย่อมอยากได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าเหนื่อยด้วยกันทั้งนั้น และสิ่งนี้จะทำให้พวกเขารู้สึกถึงการมีอนาคตที่ดีได้ ถึงแม้จะอยู่ทำงานกับองค์กรไปนานๆ ก็ไม่ทำให้พวกเขารู้สึกเสียโอกาสในชีวิต

2. มีสวัสดิการที่ดีให้กับพนักงาน

     นอกจากค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อแล้ว การมีสวัสดิการที่ดีรองรับ ก็เป็นอีกข้อสำคัญเช่นกัน เปรียบเหมือนกับการสร้างบ้านถ้าคุณสามารถดูแลสมาชิกในครอบครัวให้มีความสุขได้ มีบ้านที่น่าอยู่ มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ดูแลอาหารการกินที่ดี ไปจนถึงหากเจ็บป่วย ก็ดูแลรักษาอย่างทันท่วงที ไม่ยากเลยที่ทุกคนจะรักในบ้านหลังนี้ องค์กรก็เช่นกัน

3. มีความเอื้ออาทร ไว้วางใจซึ่งกันและกัน

     นอกจากค่าตอบแทนที่ดี สวัสดิการที่ดี การมีสังคมที่ดีหรือเพื่อนร่วมงานที่ดีก็เป็นอีกข้อสำคัญที่ช่วยให้พนักงานของคุณอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ดังนั้นแล้วคุณจึงควรพยายามหาวิธีส่งเสริมให้พวกเขาเกิดความรักใคร่กลมเกลียวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่แข่งขันชิงดีชิงเด่นกัน แต่แข่งขันกันที่ผลงาน ยอมรับในความสามารถ ความแตกต่างซึ่งกันและกัน หากทำได้องค์กรคุณจะเป็นองค์กรที่น่าอยู่อันดับต้นๆ เลย

4. มีความเท่าเทียม และเสรีภาพในการทำงานของตนเอง

     อย่างที่บอกว่าองค์กรจะน่าอยู่ได้ ทุกคนในองค์กรต้องมีความเท่าเทียมกัน รวมถึงควรมีสิทธิเสรีภาพในการคิด และทำงานได้ด้วยตนเอง เพราะมนุษย์ทุกคนใครๆ ก็อยากรู้สึกมีคุณค่า มีความภูมิใจในตัวเองด้วยกันทั้งนั้น ไปจนถึงการได้รับการยอมรับจากผู้อื่น การส่งเสริมให้พวกเขาได้กล้าแสดงความคิด ได้ลองรับผิดชอบด้วยตัวเอง นอกจากจะช่วยให้งานออกมาดีแล้ว ยังทำให้เขาได้พัฒนาศักยภาพของตนเอง และเติบโตขึ้นด้วย ซึ่งการมีพนักงานที่มีประสิทธิภาพ คือ หัวใจสำคัญของการพัฒนาองค์กรนั่นเอง

5. ให้ความสำคัญกับสุขภาพมาเป็นอันดับหนึ่ง

     ถึงแม้ว่างานจะสำคัญมากเพียงใด แต่สุดท้ายอย่าลืมว่าในชีวิตของคนเราจะอยู่ได้อย่างมีความสุขนั้น สุขภาพ คือ สิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะสุขภาพที่ดี ย่อมส่งผลต่อการทำงานที่ดีมีประสิทธิภาพ ฉะนั้นแม้การทำงานจะเคร่งเครียดสักแค่ไหน ก็อย่าลืมใส่ใจสุขภาพของพนักงาน รวมถึงตัวคุณเองที่เป็นผู้กุมบังเหยียนสูงสุดด้วย อย่าลืมว่าสุขภาพควรมาก่อนสิ่งอื่น

6. ความซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา ไม่มีเส้นสาย

     วัดผลประโยชน์ตอบแทน ตำแหน่งหน้าที่การทำงาน ความสำเร็จจากผลงานที่แท้จริง โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชั่ง เพื่อแสดงความโปร่งใส เป็นองค์กรที่มีความยุติธรรม และสร้างกำลังใจที่ดีในการทำงานให้กับพนักงาน ทำให้พวกเขาเห็นว่าหากคุณยิ่งทุ่มเท หรือทำงานหนักมากเท่าไหร่ บริษัทก็จะตอบแทนกลับไปมากเท่านั้น จะไม่ละทิ้งคุณให้เดียวดาย และเห็นคุณค่าในตัวคุณ

     ทิ้งท้ายก่อนจากไว้อีกนิดถึงการชี้วัดในความสุขว่า บางครั้งการที่เราร่าเริง หัวเราะนั้นไม่ได้แปลว่าเรามีความสุขที่สุดเสมอไป ดูอย่างประเทศแถบละตินอเมริกาที่โดดเด่นในด้านเสียงเพลง เสียงดนตรี การร้องรำอย่างสนุกสนาน แต่หากลองวัดมวลความสุขของประชากรแล้วกลับพบว่าไม่ติดใน 20 อันดับแรกจากผลการสำรวจประเทศทั่วโลกด้วยซ้ำไป เพราะความสุขที่แท้จริงนั้นจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะการมีคุณภาพชีวิตที่ดีไม่ว่าการทำงาน หรือชีวิตส่วนตัวนั่นเอง

TEXT : กองบรรณาธิการ

ที่มา : https://www.euronews.com/next/2022/04/20/why-do-people-in-nordic-countries-consistently-rank-as-the-happiest-and-what-can-we-learn-

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MANAGEMENT

ESG จะเปลี่ยนความเสี่ยงเป็นโอกาสธุรกิจได้อย่างไร

แม้คำว่า ESG (Environment, Social, Governance) จะฟังดูเป็นเรื่องใหญ่โตและต้องใช้เงินลงทุน แต่แท้จริงแล้วเอสเอ็มอี ก็สามารถทำได้ เพราะนี่คือโอกาสและความท้าทายครั้งสำคัญในการดำเนินธุรกิจ   

4 เครื่องมือช่วย “ตัดสินใจ” ที่ผู้ประกอบการต้องรู้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า

หากมีทางเลือกอยู่หลายทาง แล้วทางไหนจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ และข้อผิดพลาดน้อยที่สุด SME Thailand เลยอยากจะแนะนำเครื่องมือที่ช่วยให้การตัดสินใจที่มีความรอบคอบและเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด