Main Idea
- SME ส่วนใหญ่มักเริ่มต้นธุรกิจจาก Passion เติบโตจนกลายเป็นธุรกิจ ซึ่งในบางครั้งอาจหลงลืมไปว่า จุดเริ่มต้นที่ทำธุรกิจนี้จริงๆ เพื่ออะไร หลงยึดติดหรือกอดธุรกิจเอาไว้แน่น เพราะถือว่าเป็นความสำเร็จ เป็นความภาคภูมิใจของตัวเอง
- ในวันที่รู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง สิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรกๆ คือการลดอัตตาของตนเองลง SME ต้องกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความจริง โดยไม่มีอัตตา กล้าที่จะบอกพนักงานว่าไปต่อไม่ไหว กล้าที่จะยอมรับกับการไม่มีรายได้ กล้าที่จะขอความช่วยเหลือจากใคร พร้อมที่จะ ยอมรับ ปรับตัวและหาทางออก
- หากผู้นำองค์กรหรือเจ้าของกิจการมีภาวะผู้นำที่ดี เป็น Leadership ที่แข็งแรง วางอัตตาของตัวเองลง ก็จะสามารถนำพาองค์กรและทีมงานให้ก้าวผ่านไปได้ในทุกสถานการณ์
จุดเริ่มต้นของ SME ส่วนใหญ่ มักเริ่มต้นจาก Passion หรือความชอบ และเติบโตจนกลายเป็นธุรกิจ ซึ่งหากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจน SME ก็คือมนุษย์ 1 คนที่ต้องดำรงตน ต้องหาเลี้ยงตัวเอง ต้องมีปฏิสัมพันธ์ และเชื่อมโยงกับผู้อื่น ซึ่งในบางครั้งอาจจะลืมไปว่า จุดเริ่มต้นที่ทำธุรกิจนี้ เราทำเพื่ออะไร? หลงยึดติดหรือกอดธุรกิจเอาไว้แน่น เพราะถือว่าเป็น Success หรือความสำเร็จซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของเรา
ทว่าพอมาถึงวันหนึ่งสภาวะแวดล้อม ปัจจัยและองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วแบบคาดไม่ถึง ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และมาถึงจุดเปลี่ยนที่เราต้องคิดใหม่และหาวิธีที่จะทำให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้อีกครั้ง
นี่คือช่วงเวลาสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องดึงภาวะผู้นำออกมาใช้ โดยต้องเป็นผู้นำที่ดีที่มีทักษะในการช่วยให้ทีมงานเข้าใจความเป็นไปในชีวิตของตนเอง มองเห็นสาเหตุอันเป็นที่มาของผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นด้วยตนเอง โดยไม่มีการตัดสินหรือชี้นำใดๆ ต้องมีความเป็นกลาง เข้าใจธรรมชาติของการดำรงชีวิต ซึ่งทักษะที่จำเป็นเหล่านั้น ได้แก่ การดำรงตนเป็นผู้น่าไว้วางใจ เป็นผู้ฟังที่ได้ยินมากกว่าสิ่งที่คู่สนทนาพูด มีทักษะการสื่อสาร เพื่อพาทีมงานให้ก้าวไปข้างหน้า ก้าวไปสู่เป้าหมายในทุกๆ ด้านของชีวิตอย่างสร้างสรรค์และมีจริยธรรม
อีกหัวใจสำคัญยิ่ง คือ ผู้นำที่ดีต้องรู้จักวางอัตตา โดยเจ้าของกิจการหรือผู้นำองค์กรควรรับฟังและทบทวนตัวเองว่า ทำธุรกิจนี้เพื่ออะไร ซึ่งจะทำให้มีทิศทางที่จะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับสภาพแวดล้อมและองค์ประกอบของธุรกิจ เราต้องเข้าใจและยอมรับ แต่ไม่ยอมแพ้ ในวันที่เจ้าของธุรกิจหรือผู้ประกอบการ SME รู้สึกท้อแท้หรือสิ้นหวัง แนะนำให้ทบทวนอัตตาหรือตัวตนของตนเอง ต้องกล้าที่จะเผชิญกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยไม่มีอัตตาของตัวเองมาขวางหน้า เช่น กล้าที่จะไปขอลดค่าใช้จ่ายหรือขอลดการผ่อนชำระหนี้กับแบงก์ กล้าที่จะบอกกับลูกน้องหรือพนักงานหากธุรกิจไปต่อไม่ได้แล้ว
การสื่อสารและความจริงใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ต้องสื่อสารให้พนักงานและผู้ที่เกี่ยวข้องรับรู้และเข้าใจว่าสถานการณ์ของบริษัทเป็นอย่างไร ทั้งเจ้านายและลูกน้องต้องยอมรับความจริงให้ได้ ถ้าบริษัทไม่มีรายได้ก็ต้องยอมรับ ปรับตัว ให้กำลังใจกัน ร่วมรับผิดชอบและหาทางออกร่วมกัน เพราะหากผู้นำองค์กรหรือเจ้าของกิจการมีภาวะผู้นำที่ดีเป็น Leadership ที่แข็งแรง จะสามารถนำพาองค์กรและทีมงานให้ก้าวผ่านไปได้ในทุกสถานการณ์
สำหรับการจะก้าวผ่านวิกฤตต่างๆ ไปได้นั้น ผู้นำองค์กรหรือเจ้าของกิจการต้องตั้งสติ รับรู้ และยอมรับ
สิ่งที่เกิดขึ้นกับสภาพแวดล้อมของธุรกิจ เรียนรู้ที่จะอยู่กับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นด้วยความเข้าใจ ทั้งในเรื่องส่วนตัว ธุรกิจ และพนักงาน โดย 3 ปัจจัยแห่งการดำรงตนที่จะช่วยให้วิธีคิดและการตัดสินใจของผู้นำเป็นไปอย่างสมดุลและมีจริยธรรมต้องประกอบด้วย 1.Good for me คือ ดีต่อตัวเรา 2.Good for others คือ ดีต่อผู้อื่นที่เกี่ยวข้อง และสุดท้ายคือ 3.Good for the greater good คือ ดีต่อสังคมมวลรวมและศีลธรรมจรรยา ซึ่งเราสามารถนำหลักปฏิบัติทั้ง 3 ข้อไปปรับใช้ได้ในทุกสถานการณ์เพื่อรับมือกับวิกฤตต่างๆ ที่เกิดขึ้น
เนื่องจากทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่บนโลกใบนี้ไม่มีอะไรที่หยุดนิ่งและแน่นอน SME ทุกคนจึงจำเป็นต้องมีทักษะชีวิตซึ่งเป็นเครื่องมือสร้างความมั่นคงแข็งแรงจากภายใน เข้าใจโลกเข้าใจชีวิตเพื่อให้สามารถก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้ไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะปรับเปลี่ยนไปแบบใดก็ตาม รวมถึงการดำรงตนเป็นผู้ให้ ที่จะทำให้เราสามารถเปลี่ยนผ่านสู่โลกวิถีใหม่ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแบบยั่งยืนทั้งในยุคปัจจุบันและในโลกอนาคต
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี