แปลและเรียบเรียง : เมธาวี ทัศนาเสถียรกิจ
เจ้าของกิจการชั้นเยี่ยมย่อมมีทักษะการเจรจาชั้นยอดหรือที่คนทั่วไปเรียกว่า ‘สาริกาลิ้นทอง’ เจ้าของกิจการกลุ่มนี้ไม่ว่าจะพูดจะกล่าวอะไรก็ฟังดูลื่นหูจนคู่ค้าอยากตกลงร่วมธุรกิจ แต่เชื่อหรือไม่ว่าเจ้าของกิจการทุกคนสามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นนักเจรจาชั้นยอดได้เพียงใช้ทริคเล็กๆ
1.เจรจาแบบมีจุดมุ่งหมาย ก่อนจะเจรจาธุรกิจเจ้าของกิจการต้องตั้งธงเป้าหมายของการเจรจาให้ชัดเจน เพื่อในเวลาเจรจาต่อรองจะได้ชักแม่น้ำทั้งห้าจูงใจคู่ค้าให้โอนเอียงตามเป้าหมายของเราได้ เพราะหากเป้าหมายไม่ชัดเจนจะส่งผลให้การเจรจาไร้ทิศทางและก่อให้เกิดความสับสน นอกจากตั้งเป้าหมายแล้วเจ้าของกิจการควรเผื่อทางเลือกสำรองหรือ Plan B ไว้ด้วยสำหรับกรณีที่การเจรจาตามเป้าหมายแรกไม่สัมฤทธิ์ผล
2.เงียบถูกจังหวะ การพูดน้ำไหลไฟดับอาจทำให้การเจรจาไม่ราบรื่นและทำให้คู่ค้ารู้สึกถูกยัดเยียดเกินไป เพราะฉะนั้น เพื่อสร้างบรรยากาศการเจรจาที่ดี เจ้าของกิจการควรเงียบเพื่อหยุดฟังความต้องการของคู่ค้าเพื่อยื่นข้อเสนอทางธุรกิจ แบบ win-win ทั้งสองฝ่าย
3.รู้ว่าพูดกับใคร ในการเจรจาแต่ละครั้งควรทำการบ้านซักนิดว่าคนที่เจ้าของกิจการต้องนั่งเจรจาธุรกิจด้วยคือใคร มีลักษณะนิสัยอย่างไร มีสไตล์การทำงานรูปแบบไหน ชอบอะไรไม่ชอบอะไร เพราะบางครั้งการสร้างความประทับใจก็ส่งผลต่อบวกต่อการเจรจาเช่นกัน
4.ให้ข้อมูลครบถ้วน ความเชื่อถือเป็นปัจจัยหลักส่งผลให้การเจรจาธุรกิจสำเร็จตามเป้าหมาย โดยความเชื่อถือสามารถสร้างได้ด้วยการเปิดเผยข้อมูลระหว่างเจรจาให้ครบถ้วนและไขทุกข้อสงสัยของคู่ค้า นอกจากนั้นการให้ข้อมูลครบถ้วนแบบไม่หมกเม็ดยังสะท้อนวิถีการทำธุรกิจที่โปร่งใสของเจ้าของกิจการซึ่งทำให้คู่ค้าอยากร่วมธุรกิจด้วย
การเจรจาต่อรองนอกจากคำถึงผลประโยชน์ของตัวเองแล้วยังควรนึกถึงคู่เจรจาฝ่ายตรงข้ามเพื่อประสานผลประโยชน์ของสองฝ่ายให้ลงตัว เพราะหากแต่ละฝ่ายต่างดื้อดึงยึดถือแต่ผลประโยชน์ของตัวเองฝ่ายเดียวแล้วนั้นไม่ว่าเจ้าของกิจการมีทักษะการเจรจาลื่นไหลเพียงได้การเจรจาก็ไม่มีทางสัมฤทธิ์ผลได้
แปลและเรียบเรียงจาก www.entrepreneur.com
by smethailandclub.com