Main Idea
ความยากที่สุดขององค์กรยุคนี้คือการบริหารพนักงานให้พวกเขามีความรัก ความสุขและความผูกพันกับองค์กร หลายองค์กรมีปัญหาเรื่องพนักงานลาออกจนส่งผลกระทบต่อการทำงานโดยรวม
หนึ่งในกลุ่มคนทำงานที่เป็นกำลังสำคัญคือ Gen X ที่อยู่ในตลาดแรงงานมากกว่า 10 ปี และฝึกฝนทักษะต่างๆ ในแต่ละด้านจนมีความเชี่ยวชาญ
แต่คนเจนนี้กลับมีความพึงพอใจในงานต่ำที่สุดเมื่อเทียบกันคนกลุ่มอื่นๆ เนื่องจากมักโดนละเลยและถูกโปรโมตเลื่อนตำแหน่งน้อยกว่าคนกลุ่มอื่นนั่นเอง หากอยากซื้อใจคน Gen X ให้อยู่กับคุณไปนานๆ นี่คือสิ่งที่องค์กรต้องรู้
ความยากที่สุดขององค์กรยุคนี้คือการบริหารพนักงานให้มีความรัก ความผูกพันกับองค์กร โดยหนึ่งใน Generation ที่เป็นกำลังสำคัญของการทำงานวันนี้ก็คือเหล่า Gen X หรือคนที่เกิดในช่วง ค.ศ. 1965-1981 ซึ่งคนกลุ่มนี้อยู่ในตลาดแรงงานมากกว่า 10 ปี และฝึกฝนทักษะต่างๆ ในแต่ละด้านจนเชี่ยวชาญ
แต่กลับมีตัวเลขที่น่าสนใจจาก DDI บริษัทที่ปรึกษาด้าน HR ออกมาบอกว่า 66 เปอร์เซ็นต์ของคนกลุ่ม Gen X ได้รับการโปรโมต เลื่อนตำแหน่งหรือขยับขยายหน้าที่การงานเพียงแค่ 1 ครั้งในรอบ 5 ปี หรืออาจจะไม่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งที่คนกลุ่มนี้มองว่าตัวเองน่าจะมีความก้าวหน้ามากกว่านี้ เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้เหล่า Gen X มองหาองค์กรอื่นที่จะตอบโจทย์พวกเขามากกว่าคุณ
แล้วแบบนี้จะทำอย่างไรให้คน Gen X มีความจงรักภักดีกับองค์กรรวมถึงอยู่ทำงานกับคุณไปนานๆ ก็คงต้องมีวิธีดีๆ ซื้อใจพวกเขากันหน่อย
- จูงใจด้วยรางวัล
เชื่อว่าไหมกลุ่มคน Gen X มีความพึงพอใจในงานต่ำที่สุดเมื่อเทียบกันคนกลุ่มอื่นๆ โดยข้อมูลนี้มาจากรายงานของ Metlife สาเหตุมาจากการที่พวกเขาได้รับการโปรโมต เลื่อนตำแหน่งน้อยกว่าคนเจนอื่น โดยพนักงาน Gen X มีค่าเฉลี่ยการถูกโปรโมตในสายงานประมาณ 1.2 ครั้งใน 5 ปี ส่วน Gen Y จะถูกโปรโมตประมาณ 1.6 ครั้งใน 5 ปีและ Baby Boomers จะถูกโปรโมตประมาณ 1.4 ครั้งใน 5 ปี ทั้งที่ความจริงแล้วคน Gen X มีความสำคัญต่อองค์กรไม่แพ้คนกลุ่มอื่นเลย
หากองค์กรอยากที่จะรักษาคนกลุ่มนี้ไว้คงต้องมองเรื่องของการโปรโมตให้พวกเขามีความก้าวหน้าในสายงานมากขึ้น มีรางวัลจูงใจในการทำงาน โดยมีการวัดจากทักษะในการทำงานเพื่อให้พวกเขารู้สึกว่าองค์กรมองเห็นคุณค่าของพวกเขา
- เน้นการมีส่วนร่วมของ Gen X
หากคุณอยากทำให้คน Gen X รักองค์กรและมีความจงรักภักดีต่อองค์กรมากขึ้น ต้องมองถึงเรื่องการมีส่วนร่วม อย่างเช่น การทำให้คน Gen X มีการ Collaboration กับองค์กร จากข้อมูลพบว่าคน Gen X แค่ครึ่งเดียวเท่านั้นที่รู้สึกมีพลังในการทำงาน ส่วนอีก 64 เปอร์เซ็นต์ของ Gen X ที่รู้สึกมีปฏิสัมพันธ์และผูกพันกับองค์กรเมื่อเทียบกับ Baby Boomer ซึ่งมีความผูกพันถึง 71 เปอร์เซ็นต์
หากว่าคุณไม่สามารถทำให้พวกเขารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรได้ก็ยากที่จะรักษาคนกลุ่มนี้เอาไว้ ฉะนั้น คุณต้องสร้างความรู้สึกร่วมให้เกิดแก่คน Gen X ไม่ว่าจะเป็นการให้พวกเขามีส่วนร่วมต่อการตัดสินใจ การระดมความคิดเห็น การใช้ความคิดสร้างสรรค์ การให้พวกเขาสร้างโปรเจกต์ใหม่ๆ ไปจนถึงการให้พวกเขาเป็นผู้นำในการรับผิดชอบอะไรบางอย่าง สิ่งเหล่านี้จะทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองมีความสำคัญต่อองค์กรมากกว่าการทำงานให้ผ่านไปแต่ละวัน
- ลงทุนในการพัฒนาทักษะ
พนักงานชาว Gen X จำนวนมากที่มีความกระตือรือร้นในการพัฒนาตนเองเพื่อไปสู่การเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้น แต่บางองค์กรก็อาจจะมีกำแพงบางอย่างที่กีดกั้นการพัฒนาทักษะดังกล่าว เช่น การให้ทำงานซ้ำๆ เดิมๆ ไร้การเพิ่มเติมสิ่งใหม่และไม่มีความท้าทายในการทำงานจนพวกเขาไม่ได้พัฒนาตนเองในท้ายที่สุด
การที่จะรักษาพวกเขาไว้ในองค์กรคือการเปิดโอกาสให้เขาได้พัฒนาตนเอง ทั้งทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานไปจนถึงทักษะอื่นๆ ที่พวกเขาต้องการเรียนรู้ สิ่งนี้จะช่วยให้พนักงานมีความสุขและรู้สึกดีต่อองค์กรแถมยังทำให้พวกเขามีพลังในการทำงานมากขึ้นด้วย
- ปรับแนวทางในการจ้างงานและโปรโมตให้เข้ากับสถานการณ์
เชื่อว่าทุกองค์กรจะมีแนวทางของตนเองในการจ้างงาน บริหารจัดการคนในองค์กร อัตราการขึ้นเงินเดือนรวมถึงการโปรโมตพนักงาน แต่เมื่อเวลาผ่านไป แนวทางดังกล่าวก็ควรปรับเปลี่ยนไปตามกาลเวลาด้วย มักจะมีเหตุการณ์ที่พนักงานเข้าใหม่เงินเดือนสูงกว่าพนักงานเก่าที่มีอายุงานมากกว่า เพราะบริษัทต่างๆ ก็อยากดึงดูดพนักงานใหม่ที่มีความสามารถเข้ามาทำงานในองค์กร แต่บางครั้งคุณอาจละเลยพนักงานเก่าที่มีความสามารถไม่ต่างกัน ความเหลื่อมล้ำตรงนี้จึงเป็นปัญหาที่หลายองค์กรต้องแก้ไขเพื่อไม่ให้พนักงานเก่าๆ รู้สึกว่าพวกเขาด้อยกว่าพนักงานใหม่
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี