Main Idea
- ผู้ประกอบการต้องเจอปัญหาร้อยแปดในแต่ละวัน แต่หนึ่งในปัญหาที่รับมือยากนั่นคือเรื่องของ “มลพิษในองค์กร” หรือสภาวะที่พนักงานมีปัญหา ทะเลาะกัน ไม่สามัคคี เกิดการเมืองในองค์กรขึ้น
- ความหนักใจในฐานะผู้นำคือต้องวางตัวเป็นกลางและคอยแก้ไขปัญหาให้ทุกคนพึงพอใจแบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น
ร้อยพันปัญหาที่ถาโถมชีวิตของผู้ประกอบการ หนึ่งในปัญหาที่ค่อนข้างจัดการยากนั่นคือเรื่องมลพิษในออฟฟิศ มลพิษดังกล่าวไม่ได้หมายถึงอากาศแย่ เต็มไปด้วยฝุ่นควันหรือ PM2.5 แต่เป็นสถานการณ์ที่ออฟฟิศมีแต่ความตึงเครียด ปัญหาการเมืองในองค์กร พนักงานแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เกิดสงครามเย็นขึ้นในออฟฟิศ ทีมนั้นไม่ถูกกับทีมนี้ แล้วในฐานะคนกลางอย่างคุณต้องจัดการอย่างไรให้บัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น มาหาคำตอบกัน!
1.มองให้เห็นปัญหา
มลพิษในออฟฟิศมักจะลุกลามใหญ่โตจนควบคุมยากเนื่องจากผู้นำมองไม่เห็นปัญหาหรืออาจเห็นแต่ไม่ใส่ใจและมองข้ามไปเพราะไม่อยากยุ่ง จุดเริ่มต้นหากคุณอยากแก้ไขมลพิษและการเมืองในองค์กร ต้องยอมรับก่อนว่ามันเกิดขึ้นแล้ว บางครั้งอาจจะทำใจยอมรับยากหน่อย เพราะธุรกิจที่คุณปลุกปั้นมากับมือกลับมีปัญหาพนักงานไม่รักกัน แต่เมื่อปัญหาเกิดขึ้นแล้วก็ต้องหาทางแก้ไขต่อไป
- ลิสต์ปัญหาออกมาให้เห็น
เชื่อว่าต้องมีเหตุผลที่ทำให้เกิดมลพิษในองค์กร อาจเป็นเพราะวัฒนธรรมดั้งเดิมขององค์กร หรือกลุ่มพนักงานที่อยู่มานานตั้งตัวเป็นแก๊งสเตอร์จนทำให้พนักงานหน้าใหม่รู้สึกอึดอัดและเข้ากันไม่ได้ นอกจากนี้ปัญหาอาจจะมาจากการวัดผลงาน ตัวคุณเองอาจสร้างความกดดันและคาดหวังให้พนักงานในองค์กรแข่งขันกันเอง ทำให้พวกเขารู้สึกแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แทนที่จะร่วมมือกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวทั้งองค์กร
- เปิดใจคุยกันมากขึ้น
ความไม่เข้าใจกันของพนักงานอาจเป็นเพราะพวกเขาสื่อสารกันน้อยเกินไป ใช้เวลาร่วมกันน้อยเกินไป บางครั้งอาจคิดไปเองว่าคนนั้นเป็นแบบนี้ คนนี้ดูหยิ่งน่าหมั่นไส้ เมื่อไม่ได้ทำงานร่วมกันก็ไม่รู้ว่าใครเป็นอย่างไร ดังนั้นในฐานะผู้นำองค์กรจึงต้องเปิดเวทีให้พนักงานได้มีโอกาสทำความรู้จักกันมากขึ้น เช่น เวทีคุยกันทุกเย็นวันศุกร์ ให้แต่ละฝ่ายแชร์การทำงานในแต่ละอาทิตย์ร่วมกัน มีการเล่นสนุกกัน ปาร์ตี้ร่วมกัน ทำให้ทุกคนมีปฏิสัมพันธ์ในเชิงบวกต่อกันมากขึ้น
4.สร้างองค์กรเหมือนทีมฟุตบอล
ในแต่ละองค์กรก็ต้องแบ่งแยกการทำงานไปตามสายงานที่ถนัด แต่ทุกงานที่ทำต้องรวมกันเพื่อให้ผลลัพธ์เป็นหนึ่งเดียว หลายองค์กรอาจเกิดปัญหาเพราะคุณไม่ทำความเข้าใจกับพนักงาน ทุกคนมีเป้าหมายที่ต่างกัน ทำงานแข่งขันกัน ในที่สุดก็อาจเกิดความขัดแย้งกันได้ ลองเปลี่ยนการทำงานแบบแข่งขันมาเป็นทุกคนร่วมมือกันเหมือนทีมฟุตบอลหนึ่งทีม ที่แต่ละคนทำหน้าที่ของตัวเอง อยู่ในจุดของตัวเองและทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันนั่นคือพาทีมไปชนะด้วยกัน
- วางตัวเองให้เป็นกลาง
ความอคติที่พนักงานมีระหว่างกันอาจเกิดจากความรู้สึกว่าผู้นำหรือหัวหน้าลำเอียง เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมากกว่า ทำให้พวกเขาเริ่มรู้สึกว่าทำอย่างไรก็ไม่ดีพอ เริ่มรู้สึกว่าองค์กรไม่แฟร์ต่อพวกเขาและพาลไปไม่ชอบพนักงานที่เป็นลูกรัก ฉะนั้น ผู้นำจึงต้องทำตัวเป็นกลาง ไม่ควรแสดงว่าพึงพอใจพนักงานคนไหนเป็นพิเศษ หากเกิดความขัดแย้งขึ้นจริงก็ควรรับฟังด้วยใจที่เป็นกลางเช่นกัน สังคมมลพิษจะเริ่มคลี่คลายหากคุณมอบความยุติธรรมให้ทุกคนอย่างเท่าเทียม
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี