การจัดซื้อระบบโครงสร้างพื้นฐานไอทีในปัจจุบันนับเป็นการสร้างรากฐานสำหรับสถาปัตยกรรมไอทีที่ยืดหยุ่นในอนาคต ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถจัดหาบริการไอทีแบบออนดีมานด์ (On Demand) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคำแนะนำต่อไปนี้จากบริษัท เน็ตแอพ อิงค์ เชื่อว่าจะช่วยให้คุณตัดสินใจจัดซื้อระบบสตอเรจที่เหมาะสมให้กับบริษัทของคุณได้
1.สถาปัตยกรรมแบบครบวงจร
สถาปัตยกรรมที่ยืดหยุ่น รองรับโปรโตคอลที่หลากหลาย เช่น Network File System (NFS), Common Internet File System (CIFS), iSCSI, Fibre Channel และ Fibre Channel over Ethernet (FCoE) จึงนับเป็นรากฐานที่เหมาะสมสำหรับการตอบสนองทุกความต้องการทางด้านธุรกิจ สถาปัตยกรรมที่ดีจะต้องสามารถรองรับเวิร์กโหลดและความต้องการทั้งหมดได้อย่างครบถ้วน ทั้งในวันนี้และวันหน้า
2.ปรับขนาดอย่างยืดหยุ่น
โครงสร้างพื้นฐานสตอเรจจะต้องสามารถปรับขนาดได้อย่างเหมาะสม เมื่อธุรกิจขยายตัวและข้อมูลมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความสามารถในการปรับเพิ่มลดขนาดได้ในทันทีและในหลายๆ แง่มุม เช่น สมรรถนะ ความจุ และความสามารถในการใช้งาน นับเป็นปัจจัยที่จำเป็นอย่างยิ่งทางด้านธุรกิจ
3.ปกป้องข้อมูลอย่างครบวงจร
ในขณะที่ธุรกิจเติบโต ระดับความเสี่ยงก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย การปกป้องข้อมูลจึงต้องมีลักษณะครบวงจรและเป็นแบบอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถตั้งค่า แล้วปล่อยให้ระบบทำงานเองโดยอัตโนมัติ และมั่นใจได้ว่าข้อมูลสำคัญๆ ทางธุรกิจจะได้รับการคุ้มครองให้ปลอดภัย
4.ทำงานตลอดเวลาได้อย่างต่อเนื่อง
การดำเนินธุรกิจทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงนั้น ฝ่ายไอทีจะต้องทำงานที่จำเป็นได้อย่างสะดวกรวดเร็ว เพื่อตอบสนองความต้องการทางด้านธุรกิจอย่างฉับไว การขยายความจุและสมรรถนะ, การทำโหลดบาลานซิ่ง (Load Balancing), การทดสอบ, การอัพเกรด และงานไอทีอื่นๆ ทั้งหมด ควรจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว ราบรื่น และโปร่งใสสำหรับผู้ใช้
5.รองรับผู้เช่าระบบหลายรายได้อย่างปลอดภัย
ด้วยเทคโนโลยีเวอร์ชวลไลเซชั่น ทำให้โครงสร้างพื้นฐานสามารถรองรับผู้เช่าระบบหลายรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นจำเป็นที่จะต้องมองหาหนทางใหม่ๆ ในการแก้ไขปัญหาเรื่องความปลอดภัยและการบริหารจัดการระบบ โซลูชั่นที่รองรับผู้เช่าระบบหลายรายอย่างปลอดภัยและครบวงจร โดยครอบคลุมแอพพลิเคชั่นต่างๆ นับเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการใช้งานร่วมกัน
6. จัดเก็บข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ
ประสิทธิภาพในการจัดเก็บข้อมูลไม่ได้เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์หรือระบบเท่านั้น หากแต่ยังเกี่ยวพันกับแนวคิดอีกด้วย โซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพสูงจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดเก็บข้อมูลได้มากที่สุด โดยเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด และลดความต้องการใช้พื้นที่ของดาต้าเซ็นเตอร์ได้อย่างมาก
7.บริการอัตโนมัติ
ในขณะที่ฝ่ายไอทีพัฒนาจากระบบสตอเรจที่จัดเก็บข้อมูลหลายเทราไบต์ ไปสู่ระดับเพทาไบต์ ระบบอัตโนมัติก็เข้ามามีบทบาทสำคัญเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ กระบวนการและโซลูชั่นที่ได้รับการปรับปรุงควรจะช่วยให้ฝ่ายไอทีสามารถจัดการสิ่งต่างๆ ทั้งหมดได้อย่างครบถ้วนโดยกดเพียงปุ่มเดียว
การตัดสินใจเลือกซื้อเทคโนโลยีโดยอ้างอิงหลักเกณฑ์สำคัญทั้ง 7 ข้อนี้ จะช่วยให้คุณได้รับระบบไอทีที่ยืดหยุ่น และองค์กรของคุณจะสามารถตอบสนองความต้องการที่เฉพาะเจาะจงได้มากขึ้นและรวดเร็วขึ้น ก่อให้เกิดผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ตรวจวัดได้อย่างชัดเจน
www.smethailandclub.com ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อธุรกิจ SME (เอสเอ็มอี)