TEXT : วิมาลี วิวัฒนกุลพาณิชย์
Main Idea
รวมความผิดที่ผิดเวลาของ “กระเป๋าเป้ไฮเทค”
- เปิดตัวกระเป๋าเป้สำหรับเดินทางในปี 2020 ที่มีโควิด-19 ซึ่งการท่องเที่ยวและธุรกิจหยุดชะงัก จึงไม่สามารถดึงดูดคนได้
- หากจะพุ่งเป้าไปยังกลุ่มนักเรียนนักศึกษา ทุกคนก็ยึดวิถี New Normal เรียนออนไลน์ จึงไม่ต้องใช้กระเป๋า
- คนไม่ค่อยได้เดินทางออกไปไหนไกลๆ จึงไม่จำเป็นต้องใช้กระเป๋าเป้เดินทางหรูๆ ราคาแพงอีกต่อไป
กูเกิลเป็นหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีไม่กี่รายที่รุกเข้าสู่วงการแฟชั่นโดยการผนวกนวัตกรรมที่คิดค้นขึ้นเข้ากับชิ้นงานที่เป็นสินค้าแฟชั่น โดยเมื่อ 4 ปีก่อน กูเกิลผุด Project Jacquard พัฒนาเทคโนโลยีระบบสัมผัสที่ติดลงบนสิ่งทอ เช่น ผ้า ผ้าปูโต๊ะ พรม หรืออะไรก็ตามที่ทำด้วยผ้า
ปี 2017 กูเกิลได้จับมือกับลีวายส์ แบรนด์เปิดตัวสมาร์ทแจ็คเก็ตที่เอื้อให้ผู้สวมใส่สามารถรับโทรศัพท์ เปิดเพลง และถ่ายรูปโดยเพียงสัมผัสที่แขนเสื้อขณะกำลังทำกิจกรรมอื่น เช่น ปั่นจักรยาน หรือขับรถ ซึ่งถือเป็นการอำนวยความสะดวกอย่างยิ่ง เพื่อขยายการใช้งานเทคโนโลยีแจ็คคาร์ด
ต่อมากูเกิลได้ร่วมมือกับแบรนด์แฟชั่นหรู อีฟส์ แซงต์ โรลองต์ แนะนำกระเป๋าเป้รุ่น Cit-e Backpack ที่เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือและผู้ใช้งานสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้เฉกเช่นสมาร์ทแจ็คเก็ต กระเป๋าเป้ดังกล่าวจำหน่ายในราคา 878 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเกือบ 28,000 บาทต่อใบ ซึ่งเป็นราคาที่ค่อนข้างสูงสำหรับผู้บริโภคทั่วไป
ล่าสุด เกิดความเคลื่อนไหวอีกครั้งเกี่ยวกับเทคโนโลยีแจ็คคาร์ด โดยคราวนี้กูเกิลได้ร่วมมือกับแซมโซไนท์ แบรนด์กระเป๋าเดินทางชื่อดังเปิดตัวกระเป๋าเป้อัจฉริยะรุ่น Samsonite Konnect-i ที่ใช้เทคโนโลยีแจ็คคาร์ด และผลิตออกมา 2 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ รุ่นสลิม และรุ่นสแตนดาร์ด เป็นกระเป๋าเมื่อสอดการ์ดเล็กๆ ขนาดเท่าหัวแม่มือเข้าไปในช่องเสียบที่สายกระเป๋าเป้ และเปิดบลูทูธ และแอปพลิเคชันแจ็คคาร์ดก็จะสามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือได้ และการ์ดดังกล่าวเมื่อชาร์จไฟจะมีอายุยาวนาน 10-14 วันขึ้นอยู่กับการใช้งาน
ในการใช้งานโทรศัพท์ ผู้สะพายเป้เพียงใช้นิ้วปัด หรือเคาะที่สายเป้ก็จะสามารถสั่งงานต่างๆ ได้ อาทิ เช่น เปิดเพลง กดข้ามเพลง กดหยุดเพลง มีระบบสั่นสะเทือนหรือไฟแอลอีดีสีเขียววาบให้เห็นหากมีสายเรียกเข้า และไฟสีน้ำเงินปรากฏเมื่อมีข้อความหรือการแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ ผู้ใช้งานสามารถแตะสายเป้เพื่อฟังเวลา หรือฟังทิศทางที่ต้องการไป และแตะที่สายเพื่อเซลฟี่ได้ด้วย
แซมโซไนท์แนะนำกระเป๋าเป้ The Konnect-i 2 รุ่นคือรุ่น Slim ที่ติดซิปยาวแนวตั้ง ราคาใบละ 200 ดอลลาร์ (ราว 6,300 บาท) และรุ่น Standard ที่ใช้ซิปแนวขวาง ราคา 220 ดอลลาร์ หรือประมาณ 6,900 บาท ทั้งสองใบมีความจุ สามารถใส่คอมพิวเตอร์แล็บท็อป และสิ่งของอื่นๆ ได้อีกมาก การกำหนดราคาที่ต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับรุ่นแรกที่ผลิตร่วมกับ “อีฟส์ แซงต์ โรลองต์” เป็นกลยุทธ์ที่ไม่ได้จะเจาะกลุ่มเป้าหมายแค่นักเดินธุรกิจที่เดินทางบ่อย แต่ยังเล็งไปยังกลุ่มนักศึกษาอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การร่วมมือระหว่างกูเกิ้ลกับแซมโซไนท์เหมือนจะลงตัว กระเป๋าเป้ที่ออกแบบสามารถใช้งานได้จริงและสะดวกสบาย และเริ่มวางจำหน่ายทางออนไลน์ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แต่หลายคนมองว่า การเปิดตัวกระเป๋าเป้สำหรับเดินทางในปี 2020 ดูเหมือนจะผิดเวลาไปหน่อย
สืบเนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ไม่เพียงส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและธุรกิจเป็นวงกว้าง หากยังทำให้กิจกรรมต่างๆ พลอยชะงักงันไปด้วย เช่น ธุรกิจการบินต้องหยุดบินเนื่องจากประเทศเกือบทั่วโลกปิดประเทศ ผู้โดยสารไม่สามารถเดินทางข้ามประเทศได้อย่างคึกคักเหมือนเดิม การเปิดตัวกระเป๋าเป้เพื่อดึงดูดนักธุรกิจที่เดินทางไปทำธุรกิจในต่างประเทศจึงถูกมองว่าผิดที่ผิดเวลา
และหากจะพุ่งเป้าไปยังกลุ่มนักเรียนนักศึกษา สถานศึกษาจำนวนมากก็ยึดวิถี New Normal อนุญาตให้มีการเรียนการสอนทางไกลผ่านระบบออนไลน์ นอกจากนั้น ช่วงที่การระบาดยังไม่ยุติโดยสิ้นเชิง ผู้คนยังเฝ้าระมัดระวัง ทำให้คนจำนวนมากสมัครใจอยู่กับบ้านมากขึ้น ไม่ออกไปไหนไกล หรือถ้าจะออกจากบ้าน ก็ไปแค่ใกล้ๆ ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้กระเป๋าเป้เดินทางหรูๆ ขนาดนี้
หากกูเกิลและแซมโซไนท์เปิดตัวกระเป๋าเป้ The Konnect-I ในเวลาปกติที่ไม่มีการระบาดของโรค เชื่อว่าน่าจะดันยอดขายให้ทะลุทะลวงได้เพราะมีการปรับลดราคาลงให้ลูกค้ากลุ่มใหญ่เข้าถึงได้ อยางไรก็ดี สินค้าเพิ่งเข้าสู่ตลาดไม่นาน อาจต้องจบตาดูอีกระยะว่าการตอบรับของตลาดเป็นอย่างไร ไม่แน่อาจเกิดกระแสด้านบวกที่ส่งเสริมยอดขายก็เป็นได้
ที่มา
www.engadget.com/samsonite-konnect-i-connected-backpack-google-jacquard-smart-touch-fiber-180006136.html
https://vulcanpost.com/716607/google-samsonite-smart-backpacks/
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี