อยากโตรุ่งในยุคดิจิทัล ต้องปรับกระบวนทัพ รับมือ ‘4D’




Main Idea
 
  • ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า 4D คือ Digitize, Disrupt, Demonetize และ Democratize
 
  • การพัฒนาเทคโนโลยีส่งผลต่อการทำธุรกิจทั้งในแง่ของการผลิตและการตลาด ปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไปอาจไม่ทันอีกต่อไป แต่ถึงเวลาที่ผู้ประกอบการจะต้องกระโดดให้เท่าทันเทคโนโลยี จึงจะสามารถอยู่รอดและเติบโตได้ในยุคดิจิทัล




     ท่ามกลางกระแสของเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่นับวันมีแต่จะก้าวกระโดดไปไกล ทำให้ธุรกิจเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ฉับพลันไม่ทันตั้งตัว ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไปเหมือนในอดีตที่ผ่านมา เห็นได้จากตัวอย่าง ไม่ว่าจะเป็น โดรน (Drone) ที่ก่อนหน้านี้ยังมีข้อจำกัดไม่สามารถบรรทุกน้ำหนักได้มากนัก แต่ปัจจุบันสามารถบรรทุกน้ำหนัก 600 กิโลกรัมได้ไกลถึง 10 กิโลเมตร


     นี่คือตัวอย่างที่ย้ำเตือนผู้ประกอบการว่า ต้องเร่งปรับตัวอย่างหนักเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของธุรกิจให้เท่าทันกับเทคโนโลยีที่เข้ามา  รวมถึงปลูกฝังวัฒนธรรมที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และการพัฒนานวัตกรรมที่ไม่หยุดนิ่งให้กับคนในองค์กร เพื่อที่จะอยู่รอดและเติบโตได้ในยุคดิจิทัล





     Salim Ismail นักคิด นักกลยุทธ์ และนักพูดชื่อดังระดับโลกผู้เป็นกูรูด้าน Exponential Transformation ได้ให้มุมมองเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของการดำเนินธุรกิจว่า ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีก่อให้เกิดสิ่งที่ เรียกว่า 4D นั่นคือ Digitize, Disrupt, Demonetize และ Democratize ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันเป็นอย่างมาก
 

1. Digitize


     ยุคนี้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการทำธุรกิจอย่างมาก โลกกำลังขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆ ในรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น ผ่าน Internet of Things (IOT) ทุกสิ่งอย่างเชื่อมโยงถึงกันด้วยอินเตอร์เน็ต ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกันได้ถึง 1 ล้านล้านชิ้นในปี 2030 (พ.ศ.2573) และจะเกิดประโยชน์ทางธุรกิจ อย่างมาก เช่น บริษัทในประเทศอิสราเอลสามารถวิเคราะห์อารมณ์ของผู้พูดได้อย่างแม่นยำถึง 85 เปอร์เซ็นต์ จากการใช้คลิปเสียงที่มีความยาวเพียง 10 วินาที


2. Disrupt


     เมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยน รูปแบบการทำธุรกิจก็เปลี่ยนไป โดยในอดีตกล้องถ่ายรูปใช้ฟิล์มในการถ่ายภาพ ทำให้ต้องถ่ายภาพด้วยความระมัดระวังเนื่องจากฟิล์มมีความจุจำกัด ดังนั้น หลักสูตรสอนถ่ายภาพจึงมีความจำเป็น ทว่าเมื่อมีกล้องดิจิทัลเข้ามาทดแทน ความจุไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป หลักสูตรสอนถ่ายภาพจึงไม่มีความจำเป็นแล้ว แต่ปัญหากลายเป็นว่าทำอย่างไรให้สามารถค้นหาและจัดการกับรูปถ่ายที่มีจำนวนมากในอุปกรณ์ต่างๆ ได้ หรือจากการที่ต้นทุน ของพลังงานแสงอาทิตย์ถูกลงมาก ปัญหาจึงไม่ใช่เรื่องการผลิต แต่เป็นการจัดเก็บพลังงานแทน เหล่านี้ เป็นตัวอย่างของการเปลี่ยนจากความขาดแคลน (Scarcity) เป็นความเหลือเฟือ (Abundance) ซึ่งทำให้ ต้นทุนการผลิตต่อหน่วย (Marginal Cost) กลายเป็นศูนย์ เราเรียกจุดพลิกผันเหล่านี้ว่า Gutenberg Moment (ตามชื่อผู้คิดค้นแท่นพิมพ์เครื่องแรกของโลก) ซึ่งจะเกิดมากขึ้นและบ่อยขึ้นในโลกปัจจุบัน





3. Demonetize



     เมื่อต้นทุนถูกลง มีคู่แข่งมา Disrupt มากขึ้น รายได้ก็ลดลง ที่ผ่านมาบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไม่สนใจรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติหรือรถยนต์ไร้คนขับ (Self-driving Car) เนื่องจากต้นทุนเทคโนโลยีสูงเป็นแสนเหรียญต่อคัน ทำให้ขายอย่างไรก็ไม่คุ้ม แต่เมื่อต้นทุนเทคโนโลยีลดลงเหลือแค่หลักพันต่อคัน ทำให้บริษัทต้องกลับมาพัฒนาเทคโนโลยีนี้ แต่ยัง ตามหลัง Google หรือ Uber ซึ่งได้ลงทุนวิจัยเรื่องนี้มานานแล้ว


     หรือตัวอย่างของธุรกิจล้างรถใน Buenos Aires เมืองท่าของประเทศอาร์เจนตินา ทั้งๆ ที่เศรษฐกิจดีและประชาชนมีรถเป็นของตัวเองมากขึ้น แต่รายได้กลับลดลง ต้นเหตุที่แท้จริงกลับเป็นเพราะมีเทคโนโลยีในการพยากรณ์อากาศที่ดีขึ้น ทำให้ผลพยากรณ์อากาศมีความแม่นยำว่าวันใดฝนจะตกหรือไม่ตก คนจึงมาล้างรถน้อยลงนั่นเอง


     กรณีของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์คือตัวอย่างที่แสดงถึงการคิดแบบเส้นตรง (Linear) กับการคิดแบบก้าวกระโดด (Exponential) โดยหากเราไม่คิดแบบ Exponential เราก็อาจพลาดโอกาสในอนาคตได้ ส่วนตัวอย่างหลังแสดงให้เห็นว่า Disruption เกิดขึ้นได้ทุกที่ จึงควรตระหนัก และให้คิดไว้เสมอเลยว่าเราสามารถถูก Disrupt ได้เสมอ


4. Democratize


     เมื่อต้นทุนทุกอย่างลดลง ก็ทำให้โลกเปิดกว้างมากขึ้นหลังเหตุการณ์สึนามิที่ประเทศอินโดนีเซีย ชาวประมงมีรายได้มากขึ้นถึง 30 เปอร์เซ็นต์ จากการใช้ SMS ในการส่งข่าวราคารับซื้อปลาที่ท่าเรือให้กันช่วยให้ชาวประมงตัดสินใจซื้อขายได้ การที่ชาวประมงใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีทำให้โอกาสเปิดกว้างขึ้น การเปิดกว้างนี้ทำให้ใครก็ได้ที่มีไอเดียสามารถนำเทคโนโลยีไปใช้กับธุรกิจเดิมๆ แล้วก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ ทำนองเดียวกับ Elon Musk ที่ไม่ได้ คิดค้นอะไรใหม่ แต่กลยุทธ์ของเขาคือหาเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดด และสร้างบริษัทขึ้นมาเพื่อจะได้ทันใช้ประโยชน์จากการเติบโตใน 10 ปีข้างหน้า





     จากการเกิดขึ้นของ 4D นี้เอง Ismail แนะนำให้ธุรกิจตั้งรับและปรับตัว โดยองค์กรที่พัฒนาแบบก้าวกระโดดหรือที่เรียกว่า Exponential Organization ควรคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้

 
  1. ใช้ MTP (Massive Transformative Purpose) การที่องค์กรกำหนดเป้าหมายที่สร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ให้เป็นเหมือนมนต์สะกดประจำองค์กร เช่น Ideas Worth Spreading ของ TED Talk, Organize the World’s Information ของ Alphabet/Google, Open Happiness ของ Coca-Cola ที่ใช้ในการสร้างวัฒนธรรมองค์กร
 
  1. ไม่จำเป็นต้องใหญ่โต แต่ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ ให้คุ้มค่าด้วยหลักการ SCALE (Staff on Demand, Community & Crowd, Algorithms, Leveraged Assets, Engagement)
 
 
  1. ผู้นำองค์กรต้องรับรู้สภาวะโลกปัจจุบัน เช่น Accelerating Technologies และ Exponential Growth แล้วปรับแนวคิดให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลง
 
  1. เริ่มนวัตกรรม Disruptive จากชายขอบ (Edges) ไม่ใช่จากศูนย์กลางองค์กร (Core) หมายถึงองค์กรสามารถเริ่มทำการเปลี่ยนแปลงของเพื่อป้องกัน การ Disrupt จากจุดเล็กๆ ขององค์กรก่อน เพื่อไม่ให้คนในองค์กร เกิดความกลัวและต่อต้าน ซึ่งหากสำเร็จก็ค่อยขยายการดำเนินงานสู่ส่วนต่างๆ ขององค์กรต่อไป


ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 

RECCOMMEND: TECH

แสงตะวัน อ่อนน่วม พัฒนาแพลตฟอร์ม แก้ปัญหาแรงงานขาดแคลนให้ธุรกิจที่พักไซส์เล็ก

ปัญหาหนึ่งของธุรกิจโรงแรมเล็ก คือต้นทุนการดำเนินงานสูง และมีปัญหาขาดแคลนแรงงาน แสงตะวัน อ่อนน่วม ซึ่งเห็น Pain Point ดังกล่าว จึงได้พัฒนาแพลตฟอร์ม Shin Platform Hotel Self-Service Solution ขึ้นมา เพื่อช่วยทดแทนแรงงานคน, บริษัท ชิบะรูม

เจ๋งป่ะล่ะ! AI ผู้ช่วยเชฟคนใหม่ เก็บข้อมูลทำเมนูสุดโปรดเสิร์ฟลูกค้า ช่วยสแกนเศษอาหาร ลดต้นทุน ลดขยะ

ปัจจุบันโลกเรามีการนำ AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ มาใช้พัฒนา ปรับปรุงสิ่งต่างๆ ขึ้นมากมาย ตั้งแต่เรื่องใหญ่ๆ ไปจนถึงเรื่องเล็กๆ ล่าสุดใครจะคิดว่า แม้แต่ถังขยะในครัวของโรงแรมและร้านอาหาร ก็มีการนำ AI เข้ามาใชั

Mewre น้ำดื่มเพื่อสุนัขและแมวเจ้าแรกของโลก จากไอเดียที่ไม่อยากให้น้องป่วย เมื่อผู้บริโภคไม่ได้มีแค่คนเท่านั้น

Mewre น้ำดื่มเพื่อสุนัขและแมวเจ้าแรกของโลก อีกหนึ่งสินค้านวัตกรรมที่ทำมาเพื่อตอบโจทย์ชาว Pet Parent หรือ การเลี้ยงสัตว์เหมือนลูก เป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว