คุณว่ามนุษย์วัยแรงงานที่เป็น Workforce ของประเทศเรานั้นทำอาชีพอะไรมากที่สุด? ไอที? อุตสาหกรรม? มนุษย์เงินเดือนเหรอ? ไม่ใช่ แต่วัยแรงงานเยอะที่สุดอยู่ในภาคเกษตรกรรมถึง 31% จากวัยแรงงานทั้งหมด 40 ล้านคน แต่ความน่าเศร้าของภาคเกษตรกรรมบ้านเราคือมีผลกระทบต่อ GDP แค่ 10% ชี้ให้เห็นได้เลยว่ารายได้ของเกษตรกรในบ้านเรานั้นค่อนข้างน้อยแถมยังเป็นปัญหาทุกปีที่เกษตรกรออกมาประท้วงเรื่องผลผลิตราคาต่ำ คงจะดีไม่น้อยถ้าเกษตรกรบ้านเรามีทางเลือกที่เพิ่มขึ้น
จนล่าสุดได้เกิดช่องทางใหม่ที่ต่อยอดมาจาก Kaidee.com กับ FarmKaidee แหล่งรวมสินค้าทางการเกษตรที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ โดย ทิวา ยอร์ค Head Coach จาก Kaidee ได้เล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปตรงนี้ว่าเขาได้ไปเจอข้อมูลเบื้องลึกเบื้องหลังของคำค้นที่ผู้คนเข้ามาเสิร์ชใน Kaidee อันดับ 1 คือรถมอเตอร์ไซต์ Honda PCX มีกระเป๋า Coach รองเท้า Adidas แต่ที่โผล่ขึ้นมาในอันดับ 11 คือรถไถ 2-3 ล้านครั้งต่อวันเลยและเมื่อเข้าไปดูลึกกว่านั้นก็พบว่าเกษตรกรมีการซื้อขายตรงไหนบ้างใน Kaidee ปรากฏว่าพบอยู่ 3 หมวดหมู่หลักคือ ธุรกิจเกษตรกรรม ธุรกิจอาหารและรถมือสองที่ขายรถไถ เครื่องจักร มีคนที่เข้ามาใช้งาน 3 หมวดหมู่นี้กว่า 1 แสนครั้งต่อเดือน จึงมองว่าเป็นเทรนด์ที่มีเกษตรกรเริ่มเข้ามาใช้งานจริง
“เกษตรกรในบ้านเรามีปัญหาทุกปี ราคาในตลาดตก มีการประท้วง เมื่อเขามีปัญหาตรงนี้แต่เขายังขายแบบเดิม ผ่านนายหน้าแบบเดิม ไม่ได้เปลี่ยนวิธีการขาย ถ้าทำอะไรแบบเดิม ผลลัพธ์ก็ออกมาแบบเดิม เรารู้สึกว่าที่ Kaidee เรามีอะไรในมือ เรามีคนที่ใช้งานกว่า 35 ล้านคน เราจะสามารถช่วยเขาได้หรือเปล่า เอาเทคโนโลยีที่ง่ายที่สุดมาใช้ เข้าไปเป็นประโยชน์ให้เขาได้ไหม นี่คือคำถามที่เราตั้งขึ้น ถามว่าเราจะทำอะไร Smart Farming ให้เขาหรือเปล่า ไม่ใช่ ของเราง่ายๆ คือการใช้เทคโนโลยีช่วยให้เขาหาลูกค้ารายใหม่ นายหน้า ผู้บริโภค แค่มีมือถือ ถ่ายรูป ใส่ราคา ใส่หัวข้อก็ใช้งานได้แล้ว”
ปัญหาหลักของเกษตรกรในบ้านเราคือการที่เขามี Supply แต่ขาด Demand หรือหาคนที่ต้องการผลผลิตของพวกเขาไม่ได้ ส่วนคนในเมือง เชฟจากร้านอาหารเอง ผู้บริโภคเองก็มีความต้องการสินค้าสดใหม่ ปลอดสารพิษหรือสินค้าด้านการเกษตรที่เฉพาะทางแต่ก็หาเกษตรกรไม่เจอเช่นกัน FarmKaidee จึงเป็นสะพานเชื่อมทุกคนมาเจอกัน
“ก่อนหน้านี้เราเปิดใช้งานแบบ MVP ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ไม่ได้ทำการตลาดเลย ปรากฏว่าจาก 1 แสนคนที่เข้ามาใช้ขยับเป็น 2 แสนคนในเวลา 3 เดือน เราก็มองว่ามันเวิร์คนะ มีคนขายจากทั่วประเทศเลย ไม่ว่าจะอยู่จังหวัดไหนก็มีโอกาสเปิดตลาดใหม่ได้ อย่างไทยเองตอนนี้มีเทรนด์ Farm to table เชฟก็ต้องการที่จะเจอกับฟาร์มโดยตรง เขาอยากรู้ว่าไก่เลี้ยงยังไง ออแกนิกส์ไหม มีคุณภาพไหม ดูแลดีไหมก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ เราเองก็เคยคุยกับเชฟ เขาก็ไม่รู้จะหาพวกนี้ได้จากไหน ถ้าเกิน 100 กิโลเมตรจากร้านก็ไม่ได้อีกเพราะจะออแกนิกส์ไปทำไมถ้าต้องสร้างมลพิษให้สิ่งแวดล้อม สุดท้ายพอเกษตรกรได้เจอกับลูกค้า แล้วเขาได้ Relationship กันไปเรื่อยๆ เขาแฮปปี้ ผมก็แฮปปี้”
หมวดหมู่หลักๆ ใน FarmKaidee จะมี 2 หมวดหลักๆ คือ Farmer Market หรือตลาดสด จะรวบรวมผลผลิตต่างๆ ที่ต้องการจะขายให้แก่ผู้บริโภคหรือธุรกิจ โดยจะมี 2 หมวดย่อยคือ F2B Farmer to Business คือฟาร์มขายส่งให้ธุรกิจต่างๆ กับ F2C Farmer to Consumer ฟาร์มขายปลีกให้กับผู้บริโภคโดยตรง ส่วนอีก 1 หมวดหลักคือ Agricultural Market ตลาดเกษตร จะตอบโจทย์คนอีก 2 กลุ่มคือ F2F Farmer to Farmer เกษตรกรขายเกษตรกรด้วยกัน เช่น ปลูกข้าวและมีข้าวเปลือกขายให้เกษตรกรอื่นเพื่อนำไปเลี้ยงไก่ อีกกลุ่มคือ B2F บริษัทที่ต้องการขายสินค้าให้เกษตรกร เช่น รถไถ เครื่องจักร ปุ๋ย อุปกรณ์การเกษตรต่างๆ
ทิวาได้ปิดท้ายได้สิ่งที่เป็นกำแพงของหลายคนอยู่คือ ‘ความกลัว’ กลัวในเทคโนโลยี ทั้งที่ความจริงเทคโนโลยีคือสิ่งที่อยู่ในมือของเราทุกคน เราใช้เทคโนโลยีทั้งๆ ที่เราไม่รู้ตัว
“หลายคนอาจจะกลัวเทคโนโลยี ฉันกลัว ฉันไม่รู้เรื่อง แต่ความจริงเขาใช้อยู่ในมือทุกวัน ไหนจะแชทไลน์ เล่นโซเชียล ดูยูทูป ค้นหาเพลงที่ฟัง ถ้าอยากมีผลดีต่อธุรกิจก็แค่ใช้เทคโนโลยี ใช้มือถือโดยที่ไม่ต้องรู้อะไรใหม่เลยก็ได้ แค่ถ่ายรูป ใส่ราคา ใส่หัวข้อ แค่นั้น ก็เริ่มขายได้ ไม่ต้องรู้เรื่อง E-commerce หรือ Payment อะไรเลย แค่ขายแบบเดิมในช่องทางใหม่ๆ เพื่อหาลูกค้าใหม่ๆ เขาสามารถเอาเทคโนโลยีมาช่วยชีวิตเขาได้ โดยที่ไม่ต้องคิดเยอะ ยังไม่ต้องไปไกลถึง Smart Farming บางทีมันคือเรื่องใกล้ตัวนี่แหละ แต่เราทุกคนก็ต้องช่วยกัน เข้ามาใช้งาน ไม่ได้เพื่อ Kaidee หรอกแต่เพื่อช่วยเกษตรกรในบ้านเราด้วยกัน”
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
