Cr : No Isolation
เมื่อพูดถึงวัยเด็กจนโตนั้นเรื่องราวของการเข้าชั้นเรียนและประสบการณ์ต่างๆที่ได้จากรั้วโรงเรียนคงเป็นสิ่งที่หลายๆคนนึกถึง อย่างไรก็ตามการได้พูดคุย วิ่งเล่นกับเพื่อนๆเหมือนคนอื่นๆอาจไม่ใช่เรื่องง่ายนักสำหรับเด็กที่มีภาวะป่วยเป็นระยะเวลานานๆและต้องทำการรักษาที่โรงพยาบาลหรือที่บ้าน เปิดโอกาสให้บริษัทจากฝั่งนอร์เวย์อย่าง No Isolation ลุกขึ้นมาทำการผลิต AV1 หุ่นยนต์ที่จะเข้าไปนั่งเรียนแทนเพื่อให้เด็กๆเหล่านั้นสามารถได้รับการเรียนการสอนและติดต่อกับเพื่อนๆได้เหมือนไปนั่งเรียนเอง
เหมือนอย่างชื่อของบริษัท No Isolation (ไม่โดดเดี่ยว) นั้น 3 ผู้ร่วมก่อตั้งอย่าง Karen Dolva, Marius Aabel และ Matias Doyle หวังที่จะทำโปรดักต์ออกมาเพื่อยุติการแยกตัวออกจากสังคมหรือความรู้สึกโดดเดี่ยวซึ่งถึงแม้ว่าจะดูเป็นภารกิจที่ใหญ่หลวง แต่พวกเขาก็เริ่มเจาะไปที่กลุ่มที่มีความแตกต่างและถูกมองข้ามเช่นกลุ่มของเด็กที่เผชิญกับอาการป่วยเรื้อรังหรือป่วยเป็นระยะเวลานาน
Cr : dezeen
เมื่อเด็กต้องประสบกับอาการเจ็บป่วยระยะยาวหรือโรคเรื้อรังแน่นอนว่าต้องส่งผลกระทบไปที่สภาพจิตใจซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่เพราะพวกเขาต้องเผชิญกับการแยกตัวออกจากเพื่อนๆและเด็กร่วมชั้นเรียนคนอื่นๆ แม้ว่าจะเป็นไปได้ที่จะทำการบ้านให้ทันช่วงเวลาที่หยุดเรียนไป แต่สิ่งที่ขาดหายไปก็คือการมีส่วนร่วมทางสังคมหรือทำกิจกรรมเป็นกลุ่มซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญของการใช้ชีวิตในโรงเรียน
เพราะตระหนักถึงความสำคัญตรงจุดนี้กับประเด็นของความโดดเดี่ยวทางสังคมที่ถูกมองข้ามไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้คลุกคลีกับผู้ปกครองที่ต้องสูญเสียลูกไปด้วยโรคมะเร็ง ด้านผู้ก่อตั้งจึงทำการศึกษาวิจัยถึงปัญหานี้และทำการพูดคุยกับเด็กๆที่มีสุขภาพที่แตกต่างกันรวมไปถึงพ่อแม่ที่ดูแลลูกที่ป่วยและที่สูญเสียลูกๆไปจากอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง จึงเป็นที่มาของการทำหุ่นยนต์เทเลพรีเซนต์ AV1 ที่จะทำหน้าที่เหมือนเป็นตา หูและเสียงของเด็กๆผ่านทางการเข้าไปนั่งในห้องเรียน
Cr : No Isolation
โดย AV1 นั้นเป็นหุ่นยนต์ขนาดเล็กสีขาวที่ใช้ระบบ Telepresence หรือระบบการประชุมแบบเสมือนจริงด้วยเทคนิคการสร้างภาพวัตถุต่างๆจากระยะไกลด้วยเทคโนโลยีมัลติมีเดียทั้งด้านภาพ เสียงและการสัมผัสในลักษณะแบบเรียลไทม์ที่ให้ประสบการณ์เสมือนนั่งประชุมอยู่ห้องเดียวกัน
ตัวหุ่นยนต์จะมีการติดตั้งกล้อง ลำโพงและไมโครโฟนทำให้สามารถสตรีมเสียงได้สองทาง แต่ที่สำคัญคือสามารถทำการสตรีมวิดีโอได้เพียงทางเดียวเท่านั้นเพราะนักวิจัยพบว่าเด็กที่ป่วยไม่ต้องการที่จะแสดงตัวให้คนอื่นเห็นนั่นเอง และด้วยความที่มี 2 มอเตอร์ AV1 จึงสามารถก้มหรือเงยหัวและหมุนได้ 360 องศา ซึ่งหมายความว่าเด็กที่เป็นผู้ใช้จะสามารถมองเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้องเรียนได้ทุกมุม
เด็กที่ใช้ AV1 สามารถตัดสินใจได้ว่าจะทำการเชื่อมต่อหรือไม่เพียงแค่กดปุ่มที่แอปพลิเคชันผ่านแท็บเล็ตหรือโทรศัพท์มือถือ ถ้าวันไหนรู้สึกไม่ค่อยดีและอยากจะเป็นเพียงผู้ฟังเท่านั้นก็สามารถเลือกได้โดยจะมีไฟสีฟ้ากระพริบที่หัวของหุ่นยนต์ หรือถ้าอยากจะตอบคำถามในชั้นเรียนก็สามารถจะยกมือตอบได้โดยการกดปุ่มในแอปและไฟสีขาวจะกระพริบขึ้น นอกจากนี้ยังมีโหมดกระซิบมาให้เลือกเพื่อทำการพูดคุยเฉพาะกับเพื่อนที่นั่งข้างๆได้ และด้วยการใช้ Wi-Fi และการเชื่อมต่อ 4G ยังทำให้เด็กไม่พลาดที่จะใช้เวลาร่วมกับเพื่อนๆในสนามเด็กเล่นหรือนอกห้องเรียนในช่วงเวลาพักอีกด้วย
Cr : dezeen
ด้วยการนำเทคโนโลยีนี้เข้ามาใช้ในชั้นเรียนทำให้เรื่องของความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัวและสิทธิส่วนบุคคลของอาจารย์และเพื่อนร่วมห้องเป็นสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญเป็นอย่างสูง โดยตัวแอปพลิเคชันของ AV1 จะมีการป้องกันด้วยรหัสผ่านและหุ่นยนต์จะสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้เพียงอุปกรณ์เดียวเท่านั้นซึ่งก็คือมีผู้ใช้ได้คนเดียวเท่านั้น อีกทั้งการสตรีมจะสามารถเข้าถึงได้แบบเรียลไทม์เท่านั้น ไม่สามารถทำการบันทึกหรือเก็บข้อมูลใดๆได้และไม่สามารถแคปภาพหน้าจอได้ซึ่งบุคคลภายนอกหรือแม้กระทั่งตัวบริษัทเองจะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลนั้นๆได้
หากมีการพยายามทำการบันทึกหรือถ่ายภาพทั้งผู้ใช้และทางบริษัทจะได้รับการแจ้งเตือน และถ้าเกิดมีการกระทำเช่นนี้เกิดขึ้นอีกทางบริษัทจะยกเลิกการทำงานของหุ่นยนต์ นอกจากนี้หากเด็กพยายามที่จะเชื่อมต่อ AV1 เข้ากับหน้าจอทีวี หน้าจอก็จะเปลี่ยนเป็นสีดำ
ด้าน Matias Doyle ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท กล่าวว่า เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ทุกคนที่มี AV1 อยู่ในห้องเรียนจะต้องมั่นใจได้ว่าผู้ใช้อีกด้านหนึ่งนั้นคือใคร พวกเขาไม่ควรต้องมารู้สึกสงสัยใดๆกับผู้ที่ทำการเชื่อมต่อกับหุ่นยนต์ ดังนั้นเด็กต้องใส่รหัสผ่านทุกครั้งที่เข้าสู่ระบบของ AV1 นอกจากนี้พ่อแม่หรือผู้ปกครองของเด็กต้องเซ็นสัญญาเพื่อทำการยืนยันว่าเด็กหรือเยาวชนเท่านั้นที่จะเป็นผู้ใช้ AV1 หากพ่อแม่หรือผู้ปกครองทำการเข้าสู่ระบบเองจะถือเป็นการละเมิดสัญญา
นี่ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของบริษัทที่นำเอาเทคโนโลยีมาเป็นคำตอบในสิ่งที่หลายคนอาจไม่นึกถึงหรือมองข้ามไปแล้วนำมาทำให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นรูปธรรมเพื่อเป็นอีกโซลูชั่นที่จะเข้ามาช่วยเหลือกลุ่มผู้บริโภคอย่างเด็กหรือเยาวชนที่ประสบกับภาวะเจ็บป่วยเรื้อรังอีกหนึ่งตลาดที่ยังรอตัวช่วยดีๆอยู่
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี