เหนือชั้นกว่าคู่แข่งสตาร์ทอัพอิสราเอลผลิตไข่ดาวจากพืชสำเร็จเป็นรายแรกของโลก
Text : Vim Viva
กระแสโปรตีนทางเลือกยังมาแรงแบบไม่แผ่ว โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ “ไข่จากพืช” (plant-based egg) ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น โดยมีสตาร์ทอัพหลายบริษัทแนะนำผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาดมากมาย อาทิ Vegg, Just Egg, Crackd และ Zero Egg ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรูปของเหลวเพื่อนำไปทำเป็นไข่เจียว ไข่คน หรือเป็นส่วนประกอบในอาหาร และเบเกอรี่
อย่างไรก็ตาม ที่ดูโดดเด่นกว่าทุกรายเห็นจะเป็น Yo! Egg สตาร์ทอัพจากอิสราเอลที่เพิ่งก่อตั้งเมื่อปี 2019 เนื่องจากเป็นบริษัทแรกและบริษัทเดียวที่สามารถผลิตไข่ดาวที่ประกอบด้วยไข่ขาวและไข่แดงเยิ้มๆ ไม่ต่างจากไข่ดาวที่มาจากไข่ไก่แต่อย่างใด แต่ไข่ดาวของ Yo! Egg นั้นเป็นโปรตีนวีแกน 100 เปอร์เซนต์เพราะทำจากน้ำ น้ำมันดอกทานตะวัน ถั่วเหลือง แป้ง และส่วนผสมอื่นๆ ที่ไม่มีผลิตภัณฑ์จากสัตว์เจือปน
อีแรน โกรเนอร์ ซีอีโอซึ่งร่วมก่อตั้ง Yo! Egg กับโยเศฟา เบน โคเฮน และนิซิม เบน โคเฮน บอกเล่าถึงที่มาของ Yo! Egg ว่าจากการศึกษาข้อมูลพบว่าตลาดไข่ (จากสัตว์ปีก) ทั่วโลกมูลค่าจะเพิ่มไปอยู่ที่ 297,470 ล้านดอลลาร์หรือราว 10 ล้านล้านบาทในปี 2025 โดยอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 7 เปอร์เซ็นต์
ขณะเดียวกัน ตลาดไข่ทางเลือกที่ผลิตจากพืชก็ถูกจับตาว่าเป็นธุรกิจที่มาแรง มีการคาดการณ์ว่าราวปี 2027 ตลาดไข่ plant based จะมีมูลค่า 791.356 ล้านดอลลาร์หรือเกือบ 3 หมื่นล้านบาท และอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีสูงมากกว่า 27 เปอร์เซ็นต์ ชี้ให้เห็นว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคหันหาไข่ทางเลือกมากขึ้น โดยแรงจูงใจหลักจากปัญหาสุขภาพ และรองลงมาเป็นปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม ว่ากันว่ากว่าแม่ไข่จะออกไข่ 1 ใบต้องใช้น้ำมากถึง 53 แกลลอนเลยทีเดียว
โกรเนอร์ซึ่งอยู่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอาหารมานาน 20 ปีต้องการจับตลาดไข่ทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและดีต่อสุขภาพปราศจากคอเลสเตอรอล เนื่องจากมีผู้บุกเบิกที่ยึดหัวหาดตลาดไข่ plant based หลายแบรนด์แล้ว โกรเนอร์จึงต้องสร้างความแตกต่าง ในขณะที่สตาร์ทอัพส่วนใหญ่ผลิตไข่จากพืชในรูปของเหลว แต่ Yo! Egg กลายเป็นรายแรกของโลกที่สามารถทำไข่ดาวจากพืชได้สำเร็จ ทั้งที่เป็นไข่ดาวทอด และไข่ดาวน้ำ
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ไข่จากพืชของ Yo! Egg เปิดตัวสู่ตลาดเรียบร้อยแล้ว แต่ยังจำกัดเฉพาะในอิสราเอล โดยมีบริการที่ “เบเนดิกต์” เชนร้านอาหารเช้าของอิสราเอลที่เน้นเสิร์ฟเมนูจากไข่ นอกจากร้านเบเนดิกต์ ไข่ Yo! Egg ยังเสิร์ฟตามร้านอาหารอื่น โรงแรม และสำนักงาน เช่น ออฟฟิศเฟซบุ๊ก และกูเกิ้ล
“เป้าหมายระยะยาวของ Yo! Egg ไม่ใช่การเป็นผู้ผลิตไข่ทางเลือก หรือการเป็นแค่บริษัทผลิตไข่จากพืช แต่คือการเป็นผู้ผลิตไข่รายใหญ่สุดของโลกโดยไม่มีไก่หรือสัตว์ปีกเข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายโดยเร็ว เราจึงต้องเร่งระดมทุนจากนักลงทุน” โกรเนอร์กล่าว
ดูเหมือน Yo! Egg จะก้าวหน้าไปอีกขั้นเมื่อมีหลายบริษัทให้ความสนใจและร่วมลงทุนรวมมูลค่า 5 ล้านดอลลาร์หรือเกือบ 190 ล้านบาทในรอบ seed funding ซึ่งทุนดังกล่าว บริษัทจะนำไปขยายโรงงานเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต โดยตั้งเป้าจะผลิตให้ได้ 50,000 ใบต่อวัน และจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยทีมวิจัยและพัฒนากำลังอยู่ระหว่างศึกษาการผลิต “ไข่ต้มวีแกน” ที่ทำจากพืช
นอกจากนั้น Yo! Egg ยังวางแผนเจาะตลาดสหรัฐฯ เพื่อให้เป็นตลาดหลัก เริ่มต้นจากการร่วมงานแสดงสินค้าที่สมาคมร้านอาหารแห่งชาติจัดขึ้นที่นครชิคาโก้เมื่อเดือนพค. ที่ผ่านมาเพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ให้ผู้บริโภคอเมริกันรู้จัก คาดว่าจะสามารถวางขายตามร้านอาหารในพื้นที่นครแอลเอ สหรัฐฯ ราวปลายปี 2022 นี้
เหตุผลที่พุ่งเป้าไปยังสหรัฐฯ เนื่องเพราะประชากรชาวอเมริกันบริโภคไข่มากกว่า 95 ล้านฟองต่อปี นอกจากนั้น ความนิยมในผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือกก็เพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มนรุ่นใหม่ที่หันมาดำเนินชีวิตแบบวีแกน มังสวิรัติ และ “เฟล็กซิแทเรียน” (flexitarian) หรือคนที่ทานอาหารจากพืชเป็นหลักแต่ก็สลับกับการทานเนื้อสัตว์บ้าง ผลสำรวจล่าสุดพบว่ามากเกินร้อยละ 50 ของวัยรุ่นอเมริกันที่อยู่ในวัย 20 เป็นเฟล็กซิแทเรียน ขณะที่จำนวนคนที่เป็นวีแกนในสหรัฐฯก็เพิ่มขึ้นถึง 600 เปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา
ที่มา :
-https://corp.smartbrief.com/original/2022/06/labor-saving-tech-plant-based-chicken-and-eggs-among-restaurant-shows-top-trends
-https://www.greenqueen.com.hk/yo-egg-plans-us-restaurant-launches/
-https://www.timesofisrael.com/israeli-food-tech-startup-serves-up-worlds-first-plant-based-sunny-side-up-eggs/