Tech Startup

Ninjacart สตาร์ทอัพอินเดียสร้างแพลตฟอร์มช่วยเกษตรกร ขายดีได้ไม่ง้อพ่อค้าคนกลาง

 

Text : Vim Viva 

     ในการซื้อขายสินค้าเกษตรในหลายประเทศ ปัญหาอย่างหนึ่งที่เกษตรกรประสบมักมาจากระบบ“ห่วงโซ่อุปทาน” หรือ supply chain ซึ่งคือกระบวนการต่าง ๆ ตั้งแต่ก่อนผลิตสินค้ากระทั่งนำสินค้าไปสู่กลุ่มผู้บริโภค อย่างที่อินเดีย เกษตรกรที่อยู่ห่างไกลจากตลาดค้าส่ง ไม่สามารถนำผลผลิตไปจำหน่ายเองได้ จำเป็นต้องพึ่งพาพ่อค้าคนกลางซึ่งมารับซื้อถึงที่จึงไม่มีอำนาจต่อรองและถูกกดราคา กว่าสินค้าจะถึงมือผู้บริโภคก็ผ่านคนกลางหลายทอด ทำให้มีการบวกทบขึ้นจนสินค้ามีราคาสูงกว่าต้นทางมาก

 

 

     ด้วยเล็งเห็นปัญหาดังกล่าว Ninjacart สตาร์ทอัพอินเดียซึ่งก่อตั้งเมื่อปี 2015 จึงเข้ามาพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อการเคลื่อนย้ายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากฟาร์มไปยังผู้บริโภค บริการเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการวางแผนจัดระเบียบ กำกับและจัดการผลิตผลทางการเกษตรในลักษณะที่สร้างความพึงพอใจให้กับเกษตรกรและผู้บริโภคโดยไม่ผ่านคนกลาง

     ทั้งนี้ Ninjacart ซึ่งถือเป็นสตาร์ทอัพรายแรกที่บุกเบิกบริการด้านซัพพลายเชนได้นำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนและอำนวยความสะดวกแก่ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกร หรือลูกค้าที่เป็นร้านค้าปลีก ทำให้สามารถบริการได้ในเวลาอันรวดเร็ว นับตั้งแต่การเก็บเกี่ยวจากฟาร์มไปจนถึงมือผู้ค้าปลีกภายในเวลา 12 ชั่วโมง

 

 

     ขั้นตอนการทำงานของ Ninjacart เริ่มตั้งแต่ทีมงานจะวิเคราะห์ข้อมูล และประเมินตลาดรายสัปดาห์ จากนั้นแจ้งไปยังเกษตรกรว่าต้องการพืชผักอะไร จำนวนเท่าไร  3 วันก่อนการเก็บเกี่ยว ทีมงานจะแจ้งราคาสินค้าเกษตรแก่ผู้ปลูกโดยอิงจากราคาตลาด และยืนยันราคาซื้อขายอีกครั้งในวันเก็บเกี่ยว เมื่อเกษตรกรทำการเก็บเกี่ยวผลผลิตเรียบร้อยแล้วก็นำไปส่งที่ collection center หรือจุดรับผลผลิตทางการเกษตรที่อยู่ใกล้สุดเพื่อให้ทีมงานตรวจสอบคุณภาพ ชั่งน้ำหนัก และตีราคาออกมา เมื่อตกลงกันได้ เกษตรกรจะได้รับใบเสร็จจากการขายสินค้า และทาง Ninjacart จะทำการโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรภายใน 24 ชั่วโมง

 

 

     จากจุดรับผลผลิต สินค้าทางการเกษตรจะถูกส่งต่อไปยัง Fulfillment Center หรือคลังสินค้าเพื่อแบ่งจัดใส่ลังแล้วลำเลียงไปยังศูนย์กระจายสินค้า ก่อนนำส่งปลายทางสุดท้ายคือบรรดาผู้ค้าปลีก ได้แก่ ร้านของชำ และร้านอาหาร ระบบซัพพลายเชนที่ Ninjacart พัฒนาขึ้นนั้นเป็นโมเดล Business to Business ที่ทำให้เกษตรกรจำหน่ายสินค้าให้ร้านค้าปลีกได้โดยตรงแบบไม่ผ่านคนกลาง โดย Ninjacart ทำหน้าที่อำนวยความสะดวกและทำรายได้จากการแบ่งเปอร์เซนต์การขายจากเกษตรกร    

      มีธิรูกุมารัน นาคาระจัน ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Ninjacart เผยว่าบริษัทสามารถกระจายพืชผลทางการเกษตรเฉลี่ยวันละ 1,400 ตันจากเกษตรกรไปยังร้านค้าปลีกโดยใช้เวลาไม่ถึง 12 ชั่วโมง และยังมีระบบที่ทำให้สามารถติดตามได้ว่าพืชผักที่จำหน่ายในร้านค้าปลีกมาจากไร่หรือฟาร์มใด

 

 

     ปัจจุบัน มีเกษตรกรเข้าร่วมกว่า 100,000 รายใน 150 หมู่บ้านของเมืองเดลี มุมไบ และอีกหลายหัวเมืองใหญ่ใน 20 กว่ารัฐ ซึ่ง Ninjacart มีแผนจะขยายบริการไปยังเมืองรองด้วย ทั้งนี้ ข้อมูลระบุว่าเกษตรกรที่ร่วมเป็นพันธมิตรกับ Ninjacart มีรายได้เพิ่มขึ้น 15-20 เปอร์เซนต์ ขณะที่ร้านค้าปลีกก็ได้สินค้าราคาถูกลง ทั้งยังไม่ต้องเดินทางไปซื้อที่ตลาดค้าส่งเองเนื่องจาก Ninjacart จัดส่งถึงร้านให้ 

     หลังจากที่ระดมทุนมา 2 รอบ ล่าสุดเมื่อกลางเดือนธค. 2021 ก็มีเม็ดเงินก้อนใหญ่ 145 ล้านดอลลาร์ไหลเข้ามาเพื่อสนับสนุนการเติบโตของ Ninjacart โดยเงินทุนดังกล่าวมาจากวอลมาร์ท และฟลิปคาร์ท (Flipkart)  อี-คอมเมิร์ซรายใหญ่ของอินเดีย ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ส่งผลให้มูลค่าของ Ninjacart ในตลาดเพิ่มเกือบเท่าตัวจาก 500 ล้านดอลลาร์ไปอยู่ที่ 900 ล้านดอลลาร์ เรียกได้ว่าเข้าใกล้การเป็นสตาร์ทอัพยูนิคอร์นเข้าไปทุกขณะ 

 

 

     นอกจาก Ninjacart จะสามารถนำเงินทุนไปต่อยอดในการพัฒนาเทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ อันจะนำไปสู่ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของเกษตรกรและผู้เกี่ยวข้อง การเข้ามาของฟลิปคาร์ทเปิดโอกาสให้ Ninjacart ขยายไปยังธุรกิจออนไลน์อีกด้วยเนื่องจากฟลิปคาร์ทนั้นมีเครือข่ายร้านของชำออนไลน์บริการมากถึง 1,800 เมืองทั่วอินเดียและมีแผนจะเปิดบริการเพิ่มอีก 2,000 เมืองในกลางปี 2022 นี้ จากที่เป็นตัวกลางเชื่อมระหว่างเกษตรกรกับร้านค้าปลีก เชื่อว่าก้าวย่างต่อไปของ Ninjacart คือการขยับเข้าสู่โมเดล Business to Customer ด้วยการกระจายสินค้าเกษตรไปจำหน่ายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ของฟลิปคาร์ทนั่นเอง

 

ข้อมูล

https://asia.nikkei.com/Business/Agriculture/Cut-out-the-middleman-Ninjacart-revamps-India-s-farm-supply-chain

 

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup