Tech Startup

หนุ่มยุคใหม่ถูกใจสิ่งนี้! Bovem แบรนด์ปัตตาเลี่ยนตัดขนน้องชาย สร้างกำไรได้ในเวลาไม่ถึงเดือน

    จากปัญหาที่เจอกับตัวเองนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงตอบโจทย์และสร้างความพึงพอใจในการใช้ แต่ยังเป็นสินค้าทำเงินจนหลายประเทศติดต่อขอเป็นตัวแทนจำหน่าย ที่สำคัญผู้ประกอบการรายนี้กำลังศึกษาชั้นปีที่ 4 ในมหาวิทยาลัย แต่จับพลัดจับผลูค้นพบเส้นทางเดินธุรกิจได้รวดเร็ว ทำให้เชื่อว่าอีกไม่นานพวกเขาอาจไต่อันดับสู่การเป็นนักธุรกิจอายุน้อยร้อยล้านเป็นแน่ 


     เรากำลังพูดถึง ไลดอน อ็อง และ นอร์แมน เตียว นักศึกษาปีสุดท้ายวัย 24 ปีจากมหาวิทยาลัย SMU (Singapore Management University) กับธุรกิจเครื่องโกน/ตัดแต่งขนบริเวณใต้เข็มขัด ในชื่อผลิตภัณฑ์ Globe Trimmer แบรนด์ Bovem จุดเริ่มต้นมาจากการที่สองหนุ่มมักประสบปัญหาเมื่อต้องโกนหรือตัดแต่งขนด้านล่างด้วยมีดโกน แล้วมักลงเอยด้วยการได้แผล ได้เลือดซิบๆ มา 





     สำหรับคุณสุภาพบุรุษ การตัดแต่งหรือโกนขนบริเวณดังกล่าวถือเป็นเรื่องปกติเพราะเป็นการรักษาสุขอนามัยของร่างกาย อีกทั้งผลสำรวจก็ระบุ 92 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงชมชอบผู้ชายที่ดูแลตัดแต่งขนส่วนนั้น สำหรับวิธีการกำจัด หากต้องใช้วิธีแว็กซ์ กับการโกน ผู้ชายส่วนใหญ่เลือกวิธีหลัง ซึ่งบ่อยครั้งก็ไม่สะดวกแถมบางทียังสร้างความเจ็บปวดให้ด้วย


     ด้วยเหตุนี้ ไลดอน และ นอร์แมน จึงเกิดความคิดจะหาผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานสะดวกและช่วยแก้ปัญหาของคุณผู้ชาย


     “กว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของผู้ชายในเอเชียมีพฤติกรรมตัดแต่งเล็มขนบริเวณนั้นเป็นประจำ เราพบว่ามันมีช่องว่างในตลาด ถ้าเราสามารถผลิตอุปกรณ์มาเติมเต็มความต้องการตลาดได้ก็คงดี นอกจากนั้น ยังเป็นการแหวกขนบต้องห้ามเกี่ยวกับการกำจัดขนใต้สะดือของผู้ชาย และเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการรักษาอนามัยบริเวณนั้นด้วย” ไลดอนกล่าว  


     หลังจากที่มุ่งมั่นว่าจะทำผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการขจัดและตกแต่งขนสำหรับผู้ชาย นอร์แมน และไลดอน ก็เริ่มศึกษาข้อมูล ออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทดลองแล้วทดลองอีกจนพึงพอใจ โดยเน้นที่ความปลอดภัยในการใช้งานเป็นอันดับแรก กว่าจะลงตัวในเรื่องของดีไซน์และวัสดุที่ใช้ผลิต และผ่านการทดสอบครั้งแล้วครั้งเล่าก็ใช้เวลาประมาณ 4 เดือน กระทั่งเดือนกันยายน ปี 2563 พวกเขาก็แนะนำผลิตภัณฑ์แรก Globe Trimmer ออกสู่ตลาดโดยใช้ชื่อแบรนด์ Bovem ปัตตาเลี่ยนสำหรับโกนหรือตัดแต่งขนใต้สะดือสำหรับผู้ชายที่อ่อนโยนต่อผิวและรับประกันความปลอดภัยว่าจะไม่ทำให้บาดเจ็บ นอกจากนั้น ยังเป็นปัตตาเลี่ยนกันน้ำที่สามารถใช้งานขณะกำลังอาบน้ำได้ด้วย




     ถือเป็นแบรนด์อุปกรณ์ตัดแต่งขนใต้สะดือแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวของเอเชีย จำหน่ายในราคาปัตตาเลี่ยนพร้อมใบมีด หวี 2 อัน แปรงทำความสะอาด และที่ชาร์จอยู่ที่ชุดละ 69.90 ดอลลาร์สหรัฐฯ (2,200 บาท) และเฉพาะใบมีด ราคา 24.90 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 800 บาท หลังวางตลาดได้เพียง 4 เดือน นอร์แมนและไลดอนก็ทำรายได้เป็นตัวเลข 6 หลัก และทำกำไรในเวลาไม่ถึงเดือน อีกทั้งยังได้รับการติดต่อจากซัพพลายเออร์หลายประเทศ ทั้งมาเลเซีย เวียดนาม และจากยุโรปขอเป็นตัวแทนจำหน่าย       


     ไลดอนเล่าว่า ครั้งแรกที่บอกกับครอบครัวว่าจะทำผลิตภัณฑ์นี้ ทุกคนก็หัวเราะขำขันอาจเป็นเพราะเอเชียยังเป็นตลาดที่ค่อนข้างอนุรักษ์นิยมไม่เหมือนทางตะวันตก แต่ท้ายที่สุด สมาชิกครอบครัวก็ให้การสนับสนุน ไลดอนกล่าวอีกว่า สิ่งที่ยากที่สุดในการเริ่มธุรกิจคือ การเรียนรู้ทักษะต่างๆ ที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก “เราต้องเรียนรู้ทุกอย่างด้วยตัวเอง และต้องเข้าใจมันให้เร็วที่สุด มีปัญหารอให้แก้ไขมากมาย ขณะเดียวกันก็มีอะไรใหม่ๆ ให้เรียนรู้ตลอดเวลา สำหรับผู้ชาย 2 คนที่ไม่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจ สิ่งที่ประดังประเดเข้ามาจึงดูค่อนข้างมากเกินไป” 




     สิ่งที่ท้าทายอีกอย่างหนึ่งของคนเพิ่งทำธุรกิจคือ การประชาสัมพันธ์สินค้าเกี่ยวกับจุดซ่อนเร้นอย่างไรไม่ให้ดู “หยาบ” และ “ต่ำ” ซึ่งไลดอนค้นพบว่าการใช้อารมณ์ขันเข้ามาแทรกจะช่วยได้ เช่น การใช้ลูกเงาะเป็นสัญลักษณ์แทน และใช้โซเชียลมีเดียโดยเฉพาะ TikTok เป็นช่องทางการตลาด แคมเปญการตลาดของพวกเขาเห็นผล ได้รับความสนใจจากผู้ชมจำนวนมาก เพียงแค่ 2 เดือนก็มีคนติดตามทาง TikTok ราว 20,000 บัญชี คลิปที่ลงก็มียอดวิวหลายล้านวิว ถือเป็นใบเบิกทางที่ดีในการไปสู่ตลาดต่างประเทศ 


     ในเอเชีย ปัตตาเลี่ยนคือ อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับโกนผม ตัดแต่งผมหรือหนวดเครา ต่างจากฝั่งตะวันตกที่มีอุปกรณ์สำหรับตัดแต่งขนในที่ลับจำหน่ายเป็นเรื่องปกติ แน่นอนว่า สินค้าแบรนด์ Bovem แม้จะเป็นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวของเอเชียแต่ก็เผชิญกับคู่แข่งจากต่างประเทศ ดังนั้น ไลดอนจึงใช้กลยุทธ์กำหนดราคาให้ถูกกว่าสินค้าจากสหรัฐฯ หรืออังกฤษ และยังทำโมเดล Subscription จัดส่งใบมีดให้ลูกค้าที่เป็นสมาชิกทุก 3 เดือน  


     ไลดอนกล่าวอีกว่า ตลาดอุปกรณ์ตัดแต่งขนใต้สะดือในเอเชียถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีแนวโน้มเติบโตได้อีก เนื่องจากคนรุ่นใหม่ เช่น กลุ่มมิลเลนเนียลส์ได้รับอิทธิพลจากตะวันตกจึงเปิดกว้างในเรื่องการดูแลตัวเองมากขึ้น ณ ขณะนี้ ธุรกิจที่เพิ่งก่อตั้งไม่ถึงปี ไลดอนจึงขอเน้นทำการตลาดในบ้าน (สิงคโปร์) ก่อนโดยมีแผนจะแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ แล้วฝ่าฟันเพื่อขึ้นเป็นผู้นำในตลาดเอเชีย  



www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup