Tech Startup

แบไต๋ Startup น้องใหม่วงการประกัน FIN Broker ทำธุรกิจแบบไหนถึงโตไว ปีเดียวมีรายได้ 200 ล้านบาท

Text: Neung Cch.





     ด้วยข้อได้เปรียบที่เคยทำงานคลุกคลีในวงการเทคโนโลยีและไอทีมาหลายปี ทำให้หนุ่มน้อยวัย 32 ปีเกิดไอเดียที่อยากจะนำความรู้ทางด้านนี้ไปต่อยอดในวงการธุรกิจ


     เพื่อให้ได้คำตอบที่แม่นยำเขาจึงทำการวิจัยตลาด ทำให้ได้พบข้อมูลที่น่าสนใจคือ ในธุรกิจประกันภัยส่วนใหญ่ยังมีการนำเทคโนโลยีไปใช้ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพมากนัก เขาจึงอาศัยช่องว่างทางการตลาดตรงนี้เข้าไปเติมเต็มโดยก่อตั้งบริษัท ฟิน อินชัวรันส์ โบรคเกอร์ จำกัด (FIN Broker) เป็นแพลตฟอร์มประกันภัยออนไลน์





     ปัญญวัฒน์ โพธิ์ศรีทอง ประธานกรรมการบริหาร อธิบายเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลที่ทำการวิจัยพบว่าในวงการประกันนั้นมีตัวแทนนายหน้าประกันภัยวินาศประกันภัยหรือประกันรถยนต์อยู่ประมาณ 1.5 แสนคน คนกลุ่มเหล่านี้จะได้รับผลกระทบจากโบรกเกอร์ออนไลน์ที่แข่งขันกันเรื่องราคาดุเดือด FIN Broker จึงอยากเข้าไปช่วยนายหน้าประกันภัยให้ทำงานได้สะดวกขึ้น


     “ทุกวันนี้ก่อนซื้อประกันลูกค้ามีการหาข้อมูลเปรียบเทียบราคา และลูกค้าที่ซื้อประกันส่วนใหญ่ก็ยังต้องการ service ต้องการคนช่วยเหลือได้แบบ face to face ฉะนั้น Fin Broker จึงเข้ามาเสริมตรงนี้ช่วยนายหน้าประกันภัยให้มีเครื่องมือที่ใช้ง่าย ลดขั้นตอนต่างๆ เพราะคนกลุ่มนี้เขามีทักษะการขายเป็นมืออาชีพอยู่แล้ว เราแค่ไปสนับสนุนเครื่องมือเขา ทำให้ fin Scale ได้ง่ายกว่าเดิม”
 



     เชื่อมคนเชื่อมเทคโนโลยี



     แม้แพลตฟอร์มที่ออกมาจะอำนวยความสะดวกให้กับตัวแทนประกัน แต่ทว่าการทำให้นายหน้าประกันที่คุ้นชินกับการทำงานด้วยวิธีเดิมๆ ยอมมาใช้แพลตฟอร์มนี้เป็นปัญหาใหญ่สำหรับธุรกิจ โดยเฉพาะผู้สูงอายุบางคนถึงกับเดินหันหลังให้เพราะไม่กล้าใช้งานกลัวผิดพลาด ปัญญวัฒน์ จึงต้องหามาตรการเพื่อให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มนี้


     “ปัญหาหลักๆ ที่คนไม่กล้าใช้แพลตฟอร์ม คือ กลัวคีย์งานผิดแล้วลูกค้าจะไม่ได้รับความคุ้มครอง เราก็ต้องทำให้เขากล้าเปิดใจ" 


     วิธีการที่ทาง Fin Broker พยายามทำให้ลูกค้ากล้าเปิดใจคือหนึ่ง ให้ความรู้ จัดอบรม ส่งพนักงานไปสอน สอง กลยุทธ์การตลาด ทำโปรโมชัน ให้ของขวัญหรือแจกของให้ผู้ที่ลองใช้แพลตฟอร์ม FIN ซึ่งจากตรงนี้ทำให้ช่วงแรกมีคนที่เข้ามาใช้แพลตฟอร์มเพิ่มถึง 20-30%”
 




     มุ่งสู่แพลตฟอร์มนายหน้าประกันมีผู้ใช้มากอันดับ 1


     จากความพยายามเข้าถึงนายหน้าประกันทำให้ ภายในสองปีบริษัทมีสมาชิกตัวแทนขายประกันมากกว่า 15,000 คน มีเบี้ยประกัน 60 ล้านต่อเดือน


     “ไปรีเสิร์ชข้อมูลย้อนหลัง 5 ปีพบว่าไม่มีโบรกเกอร์ไหนใช้เวลาสองปีก้าวสู่เบี้ยประกัน  60 ล้านต่อเดือนได้เลย ยกเว้นรายใหญ่ ซึ่งที่เราเติบโตได้เร็วเพราะใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็นฝั่งหลังบ้าน บริการหลังการขาย ใช้แชตบอต ฯลฯ ทำให้มี fix cost ต่ำ พอเรามี fix cost ต่ำหมายความว่ามีผลตอบแทนได้มากกว่า สามารถผลักดันผลตอบแทนนี้ไปให้นายหน้าประกันภัยได้มากขึ้น"


     อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ธุรกิจเติบโตได้เร็ว ปัญญวัฒน์ บอกว่ามาจากสถานการณ์โควิดด้วย เพราะบริษัทเริ่มเปิดตัวในเดือนเมษายนปี 2563 หลังจากที่่โควิดมาระบาดในประเทศไทยได้

     "เป็นฟันเฟืองสำคัญให้สเกลขึ้นมาได้ เพราะคนเดินทางลำบากแต่คนก็ยังต้องใช้รถ รูปแบบการขายต้องมาออนไลน์หมดเลย เราก็พลิกวิกฤตเป็นโอกาส เป็นการบ่งบอกว่าแพลตฟอร์ม Fin มาตอบโจทย์”


    สำหรับแผนการของบริษัทฯ นับจากนี้คือมุ่งสร้างการเติบโตในกลุ่มธุรกิจประกัน โดยพัฒนาแพลตฟอร์มนายหน้าประกันเพื่อยกระดับเครื่องมือการขายจากออฟไลน์ (Offline) แบบเดิมๆ เข้าสู่ออนไลน์ (Online) และเพิ่มโอกาสการขายใหม่ๆ ด้วยการมีผลิตภัณฑ์ประกันอย่างครบวงจร เพื่อสร้างรายได้ให้กับนายหน้าประกันให้เพิ่มขึ้น  



     "เราจะนำเทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือสร้างแพลตฟอร์มนายหน้าประกัน มีผลิตภัณฑ์ประกันที่ครอบคลุม เข้าใจง่าย ซื้อง่าย ให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดเป็นสำคัญ พร้อมกับการใช้ทีมงานเป็นคนรุ่นใหม่ มีแนวคิดใหม่และมีความมุ่งมั่นพัฒนาระบบการทางานของธุรกิจประกันภัย ตั้งเป้ามีรายได้ 1,500 ล้านบาท ภายใน 3 ปีข้างหน้า เพื่อก้าวสู่การเป็นยูนิคอร์นของประเทศไทย" ปัญญวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup