Tech Startup

ส่องกลยุทธ์ SCG หนุน Startup ทั้งร่วมลงทุน-พัฒนาในองค์กร


 

     เอสซีจี เผยความคืบหน้าหลังลงทุนและพัฒนาดิจิทัลสตาร์ทอัพมากว่า 2 ปี พร้อมแถลงกลยุทธ์ ปี 2562-2563 มุ่งเดินหน้าเพิ่มขีดความสามารถองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Transformation) ตอบโจทย์ลูกค้าที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว พร้อมสร้างการเติบโตให้ธุรกิจได้ดีและเร็วขึ้นผ่านการเปิดรับนวัตกรรมภายนอก โดยบริษัทร่วมลงทุนใน Startup “AddVentures by SCG” การพัฒนา Startup ในองค์กร โดย Startup Studio  “ZERO TO ONE by SCG” และการเสริมขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีดิจิทัลในองค์กรให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

     ดร.จาชชัว แพส SCG Corporate Innovation Director และ Managing Director of AddVentures by SCG กล่าวว่า “ช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีรวมถึงโมเดลธุรกิจใหม่ๆ มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว รวมทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เอสซีจีจึงต้องปรับวิธีการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมใหม่ นอกเหนือจากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Technology) ซึ่งดำเนินการมาโดยตลอด ด้วยการทำ Digital Transformation ซึ่งเป็นกระบวนการปรับเปลี่ยนองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Technology) เน้นการพัฒนาและสร้างความร่วมมือกับ Startup ซึ่งมีศักยภาพในการเชื่อมโยงเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาเสริมขีดความสามารถทางการแข่งขัน เพื่อให้เอสซีจีสามารถสร้างโซลูชั่นสินค้าและบริการให้ลูกค้าทุกกลุ่ม ตลอดจนเพิ่มโอกาสในการสร้างการเติบโตใหม่ๆ ให้องค์กรได้ดีและเร็วยิ่งขึ้น”

     เนื่องจากการพัฒนาและปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงาน รวมถึงแนวคิดของคนในองค์กรเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ เอสซีจีจึงเริ่มนำแนวคิดและวิธีการทำงานของ Startup มาปรับใช้ ด้วยการทำโครงการพัฒนา Startup ภายใน “HATCH-WALK-FLY” โดยมี “ZERO TO ONE by SCG” ซึ่งเป็น Startup Studio ที่เน้นสร้างธุรกิจในรูปแบบ Startup ขึ้นมาจากไอเดียใหม่ๆ เป็นผู้พัฒนา Startup ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น (Early Stage) และแบ่งระยะของการผลักดัน Startup ออกเป็นระยะฟักไข่ (HATCH) เน้นเริ่มทำความเข้าใจลูกค้า ค้นหาปัญหา และทดสอบความเป็นไปได้ในการแก้ไขปัญหานั้น ระยะเดิน (WALK) เน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า พร้อมทั้งทดสอบตลาดและโมเดลธุรกิจ และระยะบิน (FLY) เน้นขยายฐานลูกค้าเพื่อการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในแบบฉบับของธุรกิจ Startup โดยขณะนี้มี Startup ซึ่งเป็นพนักงานเอสซีจีผ่านเข้าร่วมโครงการ “HATCH-WALK-FLY” มากกว่า 50 ทีม โดยมี Startup ระยะ WALK 7 ทีม และ Startup ระยะ FLY 4 ทีม

     นอกจากนี้ เพื่อให้การทำ Digital Transformation เป็นไปอย่างรวดเร็วขึ้น เอสซีจีจึงให้ความสำคัญกับการเปิดรับนวัตกรรมจากภายนอก (Open Innovation) โดยมี “AddVentures by SCG” ซึ่งเป็น Corporate Venture Capital หรือ CVC เข้าไปเสริมศักยภาพและร่วมลงทุนในดิจิทัลสตาร์ทอัพทั้งในไทยและภูมิภาคที่โดดเด่นอื่นๆ เพื่อสร้างพันธมิตรทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดิจิทัลโดยเฉพาะ โดยตลอด 2 ปีที่ผ่านมา AddVentures by SCG ลงทุนผ่านกองทุนที่ลงทุนใน Startup (Fund of Fund) 2 ราย และลงทุนตรงใน Startup (Direct Investment) 11 ราย สร้างความร่วมมือแบบธุรกิจร่วมทุน (Joint Venture Partnership) กับ Startup ที่อยู่ในระยะเติบโต (Growth Stage) เพื่อสร้างธุรกิจใหม่ให้เอสซีจี ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาและทดลองตลาดกับ Startup 6 ราย และสร้างความร่วมมือในฐานะคู่ค้า (Commercial Partnership) กับ Startup กว่า 100 ราย โดยนำผลิตภัณฑ์หรือบริการมาใช้กับธุรกิจต่างๆ ของเอสซีจี

     สำหรับกลยุทธ์และทิศทางการพัฒนาต่อไปในปี 2562 – 2563 ของ AddVentures by SCG นั้น ดร.จาชชัว กล่าวว่า “หนึ่งปีต่อจากนี้จะลงทุนผ่านกองทุนและ Startup ในภูมิภาคใหม่ๆ เช่น จีน อิสราเอล สหรัฐอเมริกา และอื่นๆ ซึ่งมีลักษณะของตลาดที่น่าสนใจต่างกันไป ส่วนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เน้นลงทุนที่อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม คาดว่าจะมีการลงทุนใน Startup เพิ่มอีกประมาณ 4-6 ราย ส่วนการสร้างความร่วมมือแบบธุรกิจร่วมทุนยังทำอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมกับ ZERO TO ONE by SCG เพื่อทดสอบความเป็นไปได้ของตลาด และปรับผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ คาดว่าจะสร้างธุรกิจใหม่จาก Startup กลุ่มนี้ประมาณ 4-6 ราย และด้านการสร้างความร่วมมือในฐานะคู่ค้า จะปรับรูปแบบการทำงานให้เป็นระบบและคล่องตัวมากขึ้น พร้อมทั้งเดินหน้าค้นหา Startup ที่มีศักยภาพผ่านเครือข่ายที่มีทั่วโลก เพื่อผลักดันโครงการสำคัญๆ ที่ช่วยให้เอสซีจีได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจในอนาคตให้เห็นผลเป็นรูปธรรมได้ประมาณ 10 โครงการ

     ในส่วนของกลยุทธ์และทิศทางต่อไปของ ZERO TO ONE by SCG นอกจากความมุ่งมั่นในการช่วยพัฒนา Startup ที่ AddVentures by SCG มีอยู่ใน Portfolio ให้ดีขึ้นแล้ว ยังมีแผนที่จะพัฒนา Startup ภายในองค์กรให้ดีและเร็วยิ่งขึ้น รวมถึงมองหาโอกาสในการสร้าง Startup ผ่านการร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกที่สนใจจะพัฒนาธุรกิจร่วมกัน(Venture Builder Program) นอกจากนี้ ยังจะนำความรู้และประสบการณ์จากการพัฒนา Startup ที่ผ่านมากลับไปช่วยสร้างนวัตกรรมให้เกิดขึ้นในกลุ่มธุรกิจหลักและภาพรวมของเอสซีจีได้อย่างรวดเร็ว ผ่านการสนับสนุนการสร้างและพัฒนาสตาร์ทอัพสตูดิโอในหน่วยธุรกิจย่อย”

     “อย่างไรก็ตาม การพัฒนาความสามารถด้านเทคโนโลยีดิจิทัลให้บุคลากรภายในองค์กรเป็นสิ่งที่เอสซีจีให้ความสำคัญเช่นกัน เพื่อให้การทำ Digital Transformation ประสบผลสำเร็จได้ดียิ่งขึ้น ทั้งการใช้ Data Analytics วิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ เพื่อพัฒนาสินค้า บริการ และกระบวนการทำงานให้ตอบโจทย์ปัญหาของหน่วยงานต่างๆ ตลอดจนตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค รวมทั้งการประยุกต์ใช้ AI (Artificial Intelligence), ML (Machine Learning), AR (Augmented Reality), VR (Virtual Reality) และ Blockchain เพื่อให้กระบวนการทำงานและบริการต่างๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้น” ดร.จาชชัว กล่าวปิดท้าย
 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup