Tech Startup
กรุงศรี ฟินโนเวต ทุ่ม 500 ล้านบาทลงทุนสตาร์ทอัพ
กรุงศรี ฟินโนเวต บริษัทร่วมลงทุนในเครือกรุงศรี เผยความสำเร็จในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาทั้งในด้านความร่วมมือและโครงการร่วมกับสตาร์ทอัพ (Fintech Project and Partnership) ซึ่งปัจจุบันมีสตาร์ทอัพ 14 บริษัทได้มีโอกาสนำเทคโนโลยีทางการเงิน (ฟินเทค) มาใช้เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการของกรุงศรีแล้ว และคาดว่าสิ้นปี 2561 นี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 40 โครงการ ส่วนด้านการลงทุน (Venture Capital) บริษัทเตรียมลงทุนเพิ่มในอีก 4 บริษัทสตาร์ทอัพ ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 500 ล้านบาท และสำหรับการส่งเสริมและพัฒนาการสร้างนวัตกรรม (Accelerator & Academic Collaboration) โครงการ Krungsri Uni Startup และ Krungsri RISE ยังประสบความสำเร็จต่อเนื่อง และปีนี้ กรุงศรี ฟินโนเวต ยังร่วมจับมือกับ RISE เดินหน้าโครงการ “Krungsri RISE รุ่น 3 แรงทั่วไทย ดังไกลทั่วเอเชีย” ด้วยความเข้มเข้นของหลักสูตรเพิ่มขึ้น ผ่านความร่วมมือของพันธมิตรทั้งในไทยและภูมิภาคเอเชีย
แซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด กล่าวว่า “ในปี 2561 กรุงศรี ฟินโนเวต ตั้งเป้าหมายจะลงทุนในสตาร์ทอัพเพิ่มอีก 4 บริษัท ด้วยเงินลงทุนราว 500 ล้านบาท ซึ่งจะเน้นในเรื่อง Big Data, Lending, ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) และ ระบบการชำระเงิน (Payment) ซึ่งจะช่วยเติมเต็มและเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการของธนาคาร และบริษัทจะทำงานอย่างใกล้ชิดมากขึ้นกับทีม Digital Transformation ของ MUFG เพื่อให้เกิดความร่วมมือกันใน ภาพใหญ่ ช่วยให้สตาร์ทอัพไทยเติบโตได้กว้างไกลขึ้น ภายใต้เครือข่ายของกรุงศรี และ MUFG”
นับตั้งแต่ปี 2560 กรุงศรี ฟินโนเวต นอกจากการลงทุนใน Fund of Fund บริษัทได้ลงทุนตรงในสตาร์ทอัพไปแล้ว 3 บริษัท โดย 2 บริษัทที่ลงทุนเป็นบริษัทที่เคยผ่านโครงการ Krungsri RISE มาแล้ว แต่ละบริษัทมีจุดแข็งที่แตกต่าง ทั้งในด้าน Robo advisor, Payment solutions และ Data Analytics ซึ่งสามารถเสริมศักยภาพในการทำงานของธุรกิจในเครือกรุงศรีได้เป็นอย่างดี
“ส่วนในด้านความร่วมมือและโครงการร่วมกับสตาร์ทอัพ (Fintech Project and Partnership) กรุงศรี ฟินโนเวต มุ่งเน้นขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างบริษัทกับสตาร์อัพ (Synergy driven) ซึ่งทั้งสองต่างมีศักยภาพและความสามารถที่เติมเต็มกันและกันได้ โดยสตาร์ทอัพจะช่วยให้กรุงศรีสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในเซ็กเมนต์ใหม่ๆ ในตลาดได้ดีมากขึ้น ขณะเดียวกันสตาร์ทอัพยังสามารถช่วยเสริมประสิทธิภาพของกระบวนการภายใน (Internal operation process) ของเราได้มากขึ้น ที่ผ่านมาบริษัทได้ร่วมกับสตาร์ทอัพ 14 บริษัท ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินในส่วนต่างๆ ของกรุงศรีแล้ว เช่น การบริหารจัดการด้านคะแนนเครดิต (Credit scoring) เพื่อการสมัครบัตรเครดิต การบริหารจัดการคิวในศูนย์บริการ ของศูนย์เฟิร์สช้อยส์ เป็นต้น และคาดว่าภายในสิ้นปี 2561 นี้จะมีสตาร์ทอัพกว่า 40 บริษัทในการร่วมพัฒนาโครงการต่างๆ กับกรุงศรี” แซม กล่าว
สำหรับ Krungsri Uni Startup ซึ่งเป็นโครงการแรกเริ่มของกรุงศรี ฟินโนเวต นับตั้งแต่ในปี 2558 ได้พัฒนารูปแบบเรื่อยมา โดยมุ่งเน้นการให้โอกาสกับนักศึกษาระดับปริญญาตรีทั่วประเทศในการนำเสนอไอเดียด้านฟินเทค ช่วยเติมเต็ม Thai startup ecosystem ให้แข็งแกร่งขึ้น และล่าสุดได้จัดกิจกรรม Krungsri Uni Startup KMITL Hackathon 2018 ร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เพื่อใช้เทคโนโลยี Deep tech เช่น AI, Blockchain และ Data analytic มาสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้า
“นอกจากนี้ อีกหนึ่งโครงการที่ประสบความสำเร็จด้วยความร่วมมือระหว่างกรุงศรี ฟินโนเวต และ RISE สถาบันเร่งสปีดนวัตกรรมองค์กรและสตาร์ทอัพ จัดตั้งโครงการ Krungsri RISE ซึ่งที่ผ่านมาโครงการสามารถสร้างมูลค่าบริษัทสตาร์ทอัพได้กว่า 1,000 ล้านบาท และครั้งนี้เปิดตัวรุ่นที่ 3 ภายใต้ชื่อ “Krungsri RISE รุ่น 3 แรงทั่วไทย ดังไกลทั่วเอเชีย” มุ่งเน้นการเติบโตของธุรกิจสตาร์ทอัพแบบก้าวกระโดด” แซม กล่าว
นายแพทย์ศุภชัย ปาจริยานนท์ ผู้ก่อตั้ง RISE สถาบันเร่งสปีดนวัตกรรมองค์กรและสตาร์ทอัพ กล่าวว่า การดำเนินงานภายใต้โครงการกรุงศรี ไรส์ รุ่น 3 แรงทั่วไทย ดังไกลทั่วเอเชีย เป็นการยกเครื่องเปลี่ยนวิธีการคิดในการทำ Accelerator ใหม่หมด ด้วยโปรแกรมสุดเข้มข้น 12 สัปดาห์ ที่เน้นปฏิบัติมากกว่าทฤษฎี เร่งสปีดการเติบโตของธุรกิจด้วยการเชื่อมต่อกับภาคส่วนธุรกิจกับธนาคารและบริษัทในเครือ เสริมคอนเนคชันจากพันธมิตรคู่ค้ารอบด้าน เน้นการเติบโตของธุรกิจแบบก้าวกระโดดอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “โตแรง เร็ว และก้าวไกล กับ กรุงศรี ไรส์ รุ่น 3”
“โตแรง” อย่างมีคุณภาพจากการผนึกกำลังกันของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด และ ไรส์ สถาบันเร่งสปีดและนวัตกรรมองค์กรและสตาร์ทอัพ โดย CEOs แนวหน้าของเอเชีย และผู้เชี่ยวชาญกว่า 50 ชีวิต ที่จะเข้ามาช่วยผลักดันธุรกิจสตาร์ทอัพให้เติบโตยิ่งขึ้น พร้อมเพิ่มศักยภาพการแข่งขันด้วยการสนับสนุนจาก Regional Partners อย่าง AWS, VISA, Tencent Cloud, AIS The StartUp, Taiwan Startup Stadium, SendGrid และ Grab
“เร็ว” ด้วยวิธีการอย่าง Krungsri RISE Pitch&Plug ซึ่งจัดขึ้นทุกเดือนเพื่อเปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพที่ผ่านการคัดเลือกสามารถทำร่วมกับ Business Unit ของธนาคารได้ทันที
“ไกล” ด้วยเครือข่ายของ “ไรส์” ที่มีเครือข่ายพันธมิตรครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคใน 3 ทวีป ทั่วทั้งอเมริกาเหนือ ยุโรปและเอเชีย รวมทั้ง องค์กรชั้นนำขนาดใหญ่ สถาบันบ่มเพาะ และ สตาร์ทอัพทุกประเภท พร้อมโอกาสในการขยายธุรกิจโดยผ่านเครือข่ายพันธมิตรในเครือกรุงศรี และ MUFG