Tech Startup
เปิดเทคนิคระดมทุน Kickstarter ทำยังไงให้ได้เงิน
Crowdfunding คือการระดมทุนโดยตรงกับคนทั่วไป ที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน หรือ Venture Capital ซึ่งมีข้อดีคือไม่มีดอกเบี้ย และไม่ต้องเสียหุ้น โดยจะมีเว็บไซต์ทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้คนที่มีไอเดียเจ๋งๆ นำเสนอโปรเจกต์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับหนังสือ งานแฮนด์เมด งานออกแบบ งานประดิษฐ์ ฯลฯ ลงเว็บไซต์ โดยระบุเงินทุนที่ต้องการ ระยะเวลาการระดมลงทุน และของรางวัลที่จะแลกกับเงินบริจาค ซึ่งหากมีผู้สนใจก็จะคลิกบริจาคเงิน และถ้าโครงการนี้สำเร็จจริงๆ ต้องเสียค่า Fee ซึ่งในบรรดา Crowdfunding นั้น คิกสตาร์ทเตอร์ (Kickstarter) เป็น Crowdfunding Platform ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ฉัตรชัย ตั้งจิตตรง กรรมการบริหาร บริษัท โพโมะเฮาส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (สิงคโปร์) ซึ่งประสบความสำเร็จในการระดมทุนนาฬิกาป้องกันเด็กพลัดหลง รุ่น Waffle ผ่าน Kickstarter โดยใช้เพียง 30 วันสามารถระดมทุนได้ถึง 1.2 แสนดอลลาร์ฯ จาก 1,000 Backers ใน 40 ประเทศทั่วโลก บอกว่า ข้อดีของ Kickstarter นอกจากเงินทุนแล้ว ยังได้ลูกค้า Pre-Order จำนวนมาก เป็นเหมือนการสำรวจตลาดว่าทั่วโลกมีใครสนใจโปรดักต์นี้หรือไม่ อย่างตัวเขาวางเอาไว้ว่าถ้าบริจาค 100 ดอลลาร์ฯ จะได้นาฬิกา Waffle และถ้าบริจาค 5 ดอลลาร์ฯ ซึ่งคนกลุ่มนี้อาจจะเป็นคนที่ชอบคอนเซปต์ ก็จะได้อีเมลการ์ดขอบคุณ เป็นต้น
นอกจากนี้ ฉัตรชัยยังได้แชร์เทคนิคการระดมทุน ผ่าน Kickstarter จากประสบการณ์ของเขาอีกด้วยว่า
1. โปรดักต์ต้องมีคอนเซปต์ที่ชัดเจน มีความแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร และมีความยูนีค กล่าวคือไม่มีใครทำในตลาด และที่สำคัญโปรดักต์นี้จะต้องจับต้องได้ด้วย เหล่านี้จะเป็นตัวดึงดูดให้คนสนใจและบริจาคเงินเข้ามาในโปรเจกต์
2.การนำเสนอเนื้อหาบนหน้าแคมเปญ ซึ่งก็คือการเขียนเรื่องราวต้องทำให้น่าสนใจและให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่สุด มีความเป็นมืออาชีพ ซึ่งฉัตรชัยบอกว่าเปรียบเหมือนการ Pitching ของ Startup คือต้องมีความชัดเจนในการนำเสนอว่าสินค้าคืออะไร มีที่มาอย่างไร สามารถช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้ที่ซื้อได้ตรงจุดหรือไม่
“การเล่าเรื่องสำคัญมาก ซึ่งนอกจากการเขียนเล่าเรื่องแล้ว ยังมีนำเสนอในรูปวิดีโอ และถ้าเป็นไปได้ก็ต้องลงทุนในโปรดักชั่น อย่างก่อนที่จะโพสต์แคมเปญใน Kickstarter ใช้เวลาเตรียมแคมเปญนาน 4 เดือน ลงทุนใช้โปรดักชั่นต่างประเทศ 200,000 บาทในการทำวิดีโอ ซึ่งการหาคนทำโปรดักชั่นเดี๋ยวนี้ไม่ยาก เพราะมีแพลตฟอร์มสำหรับฟรีแลนซ์ทั้งในและต่างประเทศ ก็สามารถเข้าไปเลือกที่ตรงกับความต้องการของเราได้ ตรงนี้ต้องยอมลงทุน ต้องทำให้น่าเชื่อถือ เพราะต้องดึงคนให้ได้ใน 10 วินาทีแรก เพื่อให้เขาดูต่อจนจบ และพอดูจบต้องทำให้เขารู้สึกว่าอยากได้โปรดักต์นี้”
3.พัฒนาตัวต้นแบบ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญเพราะเมื่อเวลาที่ถ่ายทำวิดีโอ ก็ควรให้เห็นการใช้งานโปรดักต์ต้นแบบนี้จริงๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าโปรดักต์นี้สามารถพัฒนาขึ้นมาได้จริง
4.ทำประชาสัมพันธ์ โดยการเขียน Press Release ให้เห็นถึงความแปลกใหม่และจุดเด่นของโปรดักต์ เพื่อส่งไปยังสื่อต่างๆ ที่สอดคล้องกับโปรดักต์ ตรงนี้เป็นการสร้าง Awareness ของแคมเปญ
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี