Tech Startup
SKOOTAR แมสเซ็นเจอร์ออนไลน์เริ่มต้นธุรกิจจากปัญหา
Text : กองบรรณาธิการ
Photo : Otto
บางครั้งจุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจมาจากการมองเห็นปัญหา เช่นเดียวกับ Skootar ที่มีจุดเริ่มต้นธุรกิจจากการมองหาทางแก้ปัญหา และนำมาต่อยอดจนกลายเป็นโอกาสทำให้เกิดเป็นธุรกิจใหม่ที่น่าสนใจ และยังได้รับรางวัลชนะเลิศ Dtac Accelerate Batch3 อีกด้วย
นวัตกรรมแมสเซนเจอร์ใหม่
สุวัฒน์ ปฐมภควันต์ หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Skootar กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของธุรกิจว่าเกิดจากการรวมตัวกันของสุวัฒน์ ปฐมภควันต์ กมลพฤทธิ์ ชุมพล และธีภพ กิจจะวัฒนะ ที่มองเห็นปัญหาของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไซส์เล็ก ซึ่งมีทุนรอนไม่มากพอที่จะจ้างแมสเซ็นเจอร์ประจำได้ การใช้วินมอเตอร์ไซค์มาช่วยวิ่งรับส่งเอกสารสำหรับ มักจะเจอปัญหาการต่อรองราคาและความไว้เนื้อเชื่อใจ จนกลายเป็นแนวคิดที่มาของธุรกิจ Skootar แอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ที่ให้บริการมอเตอร์ไซค์หรือแมสเซ็นเจอร์สำหรับธุรกิจ SME โดยทำงานในรูปแบบ freelance หรือ crowdsourcing ของแมสเซ็นเจอร์ โดยผู้ใช้สามารถเรียกใช้บริการผ่านเว็บไซต์หรือแอปฯ ทั้งแอนดรอยด์และ iOS
“เราต้องการเป็นบริการแมสเซนเจอร์ออนไลด์สำหรับเอสเอ็มอีที่ต้องการความสะดวก ประหยัด และไม่ต้องการจ้างเป็นพนักงานประจำ โดยรูปแบบการทำงานของ Skootar ไม่ได้ยุ่งยากหรือซับซ้อน เพียงลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่น ก็สามารถเรียกใช้บริการได้ทันที”
นอกจากนี้ข้อดีของการใช้แมสเซ็นเจอร์ออนไลด์ผ่าน Skootar คือลูกค้าสามารถตรวจสอบผ่านระบบได้ว่าของที่ให้ส่งนั้นถึงมือผู้รับหรือไม่ ที่สำคัญแมสเซ็นเจอร์ทุกคนจะต้องผ่านการคัดเลือก อีกทั้งบริษัทจะมีการรับประกันการส่งของทุกครั้ง เพื่อความเชื่อมั่นและไว้วางใจให้กับลูกค้า
สุวัฒน์ยอมรับว่าปัจจุบันธุรกิจรับบริการส่งเอกสารมีจำนวนไม่น้อย แต่ Skootar เน้นการการให้บริการรับส่งเอกสารสำหรับงานธุรกิจ ดังนั้นการบริการจะต้องมีระบบที่สะดวก รวดเร็ว และลูกค้าสามารถตรวจสอบได้ เพื่อสร้างความไว้วางใจ และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ายุคใหม่
“แมสเซ็นเจอร์แต่ละคนต้องเป็นมืออาชีพ ไม่ใช่ใครก็ได้ที่มีมอเตอร์ไซค์ เพราะแมสเซ็นเจอร์ของเราต้องทำงานกับเอกสาร เขาจะรู้ว่าเอกสารแต่ละชุดต้องเซ็นต์ตรงนี้ ติดต่อฝ่ายบัญชี วางบิลล์ รับเช็คอย่างไร ในกรณีที่เจอปัญหาเฉพาะหน้าเขาจะสามารถแก้ปัญหาในเบื้องต้นได้”
ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่
ปัจจุบัน Skootar มีแมสเซ็นเจอร์เกือบ 500 คน โดยทุกคนที่สมัครก็ต้องผ่านการคัดเลือก ตรวจสอบประวัติ มีการอบรม ก่อนจะสามารถทำงานได้
“แมสเซ็นเจอร์ที่ผ่านการคัดเลือกจากเราจะได้รับการเทรนด์ก่อนทำงานจริง และนอกจากนี้เรายังเน้นเรื่องความปลอดภัย ทางบริษัทมีการรับประกันเอกสารไม่เกิน 2 พันบาทต่อหนึ่งออเดอร์ แต่ถ้าลูกค้าต้องการส่งสินค้าที่มีมูลค่ามากขึ้น เราก็มีออปชั่นให้เขาซื้อประกันเพิ่มเติม”
กมลพฤทธิ์ ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันแมสเซ็นเจอร์ส่วนใหญ่ใช้สมาร์ทโฟน เมื่อมีลูกค้าสั่งงานผ่าน แอพ Skootar Driver ระบบจะทำการจับคู่ผู้สั่งงานกับแมสเซ็นเจอร์ โดยจะแจ้งไปยังแมสเซ็นเจอร์ที่อยู่ใกล้ละแวกนั้น และถ้ามีแมสเซ็นเจอร์คนไหนกดรับงาน ถือว่าคนนั้นได้งานนั้นไป แล้วลูกค้าสามารถเช็คได้ตลอดว่าถึงขั้นตอนไหนแล้ว เช่น แมสเซ็นเจอร์กำลังวิ่งไปหาลูกค้า แมสเซ็นเจอร์กำลังวิ่งไปส่งเอกสาร ส่งเอกสารสำเร็จแล้ว ลูกค้าเวลารับของสามารถเซ็นบนมือถือได้เลย ก็จะเก็บไว้ในระบบ ถ้ามีปัญหาจะดึงออกมาดูได้
“เราทำให้ customize เข้ากับเอสเอ็มอี เช่น มีการส่งจากจุดเอไปจุดบีแล้วรับกลับจุดเอได้ด้วย ต้องไปรับเอกสารก่อนเพื่อไปรับเช็คแล้วเอากลับคืนมาให้ หรือไปรับเช็คแล้วเอาเข้าแบงก์ให้เลย แล้วก็มีการเพิ่มจุดส่งและรับของได้สูงสุด 10 จุดในรอบเดียวคือ ระบบมีความยืดหยุ่นเพื่อให้สะดวกกับการใช้งาน อีกอย่างคือลูกค้าจ่ายค่าบริการกับ Skootar ไม่ต้องจ่ายเงินสด มีเวลา 15 วันที่จะไปจ่ายออนไลน์ เคาน์เตอร์เซอร์วิส เครดิตการ์ดก็ได้ เราสามารถออกใบเสร็จให้เขาไปหักภาษีได้ด้วย”
สำหรับเป้าหมายของ Skootar สุวัฒน์กล่าว่าพวกเขาอยากให้ Skootar เติบโตโดยการขยายโปรดักต์ในเมืองไทย เช่น แมสเซ็นเจอร์ออนไลน์วิ่งงานประเภทอื่น และนำ Skootar ขยายตลาดไปในประเทศอาเซียนอีกด้วย
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อธุรกิจเอสเอ็มอี (SME)